จงไปดูอีก เจ็ดครั้ง

ศบ.

 

         วันนี้เราเรียนเรื่องการอธิษฐาน ที่ได้รับคำตอบของเอลียาห์ “และท่านบอกว่า  “จงไปดูอีก  7 ครั้ง” (1 พกษ. 18:43)

 

                 ผมเล่าให้ฟัง  ที่มาของคำพูดนี้ของเอลียาห์ เสียก่อน

 

              สมัยกษัตริย์อาหับเป็นกษัตริย์ ปกครองอิสราเอลอาณาจักรฝ่ายเหนือ   พระองค์มีพระนางเยเซเบล  เป็นมเหสี เธอเป็นธิดาของพระราชาชาวไซดอน  พระนางชั่วช้ามาก สร้างนิเวศ  และแท่นบูชาพระบาอัล ในกรุงสะมาเรีย  กษัตริย์อาหับเองก็คล้อยตาม พวกพระเหล่านั้นก็ชักชวนชาวยิวให้ไหว้รูปเคารพ  พาชาวยิวจำนวนหนึ่งหลง ว่างั้นเถอะ  แน่นอน  พระเจ้าทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง ทรงใช้ เอลียาห์ให้เตือนกษัตริย์อาหับ ไม่ใช่เตือนกันแค่ปากนะครับ  แต่บอกให้อาหับทราบว่า หากพระองค์ไม่จัดการกับรูปเคารพ  ฝนจะไม่ตกในแผ่นดินด้วย  เตือนแล้วเอลียาห์ก็หายตัวเข้าป่าไป  แล้วฟ้าก็แล้งฝนในอิสราเอลนานถึง 3 ปีกับ 6 เดือน ไม่ธรรมดาครับ   ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยเขียวขจี  ตายเกลี้ยง  มีแต่ดินที่แตกระแหง  ต้นไม้เหลือแต่ตอ กับกิ่งแห้ง  แพะแกะ วัว ควาย ผู้คน ก็ล้มตายมาก  อาหับก็เต้นซิ  แต่แทนที่พระองค์จะกลับใจทิ้งรูปเคารพ  พระองค์กลับโกรธเอลียาห์   

 

               เมื่อเอลียาห์ปรากฏตัวต่อหน้าอาหับ  ท่านก็ท้าให้ชวนพวกนักบวชของพระบาอัล มาพนันขันต่อกันที่ภูเขาคาเมล  ชวนชาวเมืองมาด้วย ดูว่าพระของใครเที่ยงแท้  ให้พวกเขาอธิษฐาน ปลุกพระบาอัล  ส่งไฟมาเผาเครื่องบูชาของพวกเขา    ส่วนเอลียาห์เองจะทูลพระเจ้าให้ส่งไฟมาไหม้แท่นบูชาของท่าน  ผมเล่าสั้นลงนะครับ  ผลคือพวกนั้นทำพิธีบ่วงสรวง ทั้งวัน ไม่มีอะไรเกิด  พระของพวกเขาเงียบเหมือนเป่าสาก  แต่พอเอลียาห์ทูลพระเจ้า  พระองค์ให้ไฟจากฟ้า   ลงมาเผาไหม้แท่นบูชา   ท่านชนะพวกพระจอมปลอม  ประชาชนก้มลงกราบ  แห่กันกลับมาเชื่อพระเจ้า  เพื่อขจัดความชั่ว ไม่ให้เหลือซาก เอลียาห์บอกผู้คนให้จับและสังหารพระจอมปลอมทั้งหลายเสียทั้งหมด

 

               แต่ฝนยังไม่ตก  แผ่นดินยังแห้งแล้งเหมือนเดิม  

 

               ยากอบกล่าวว่า “ท่านเอลียาห์  ก็เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนเราทั้งหลาย  และท่านได้อธิษฐานด้วยความเชื่ออย่างแรงกล้า  ขอไม่ให้ฝนตก  และฝนก็ไม่ตกต้องแผ่นดินถึงสามปีกับหกเดือนและท่านได้อธิษฐานขออีกครั้งหนึ่งและให้ฟ้าสวรรค์ประทานฝนให้  และแผ่นดินจึงได้ผลิตพืชผลต่างๆ”  (ยากอบ 5:17-18)

 

             ยากอบบอกให้เราทราบว่าที่ฝนไม่ตก ก็เพราะคำอธิษฐานของเอลียาห์  และที่ฝนจะตกก็เพราะคำอธิษฐานของท่านเช่นเดียวกัน  

 

               เอลียาห์เป็นแบบให้เราอธิษฐานด้วยความเชื่อ

 

 1.  คำอธิษฐานของเราสามารถขับเคลื่อนพระหัตถ์พระเจ้า  

 

เอลียาห์ทูลขอ  และพระเจ้าทรงประทานให้ตามที่ท่านขอ เราก็เช่นเดียวกันสามารถขอ  แลพระเจ้าจะทรงประทานให้เรา   พระเยซูตรัสว่า “สิ่งใดที่ท่านขอในนามของเรา  เราจะกระทำสิ่งนั้น” (ยอห์น 14:14) อีกตอนหนึ่งว่า  “สิ่งใดที่ท่านขอในนามพระเยซู  พระบิดาจะประทานสิ่งนั้นให้” (ยอห์น 15:16) 

 

 2.  สิ่งที่ทูลขอ  สอดคล้องกับน้ำพระทัย

 

         เอ้า ! ถ้าอย่างนั้น ดีแล้ว   เราก็ขออะไรก็ได้ตามใจชอบ  อยากได้บ้านหลังใหญ่  รถราคาแพง  ที่ดินสักร้อยไร่  ธุรกิจขนาดยักษ์  ฯลฯ  พระเจ้าต้องให้เราซิ  ผมยืนยันว่า  พระองค์ให้เราได้ทุกอย่าง ถ้าสิ่งที่ขอนั้นสอดคล้องกับน้ำพระทัยด้วย   เพราะ ยอห์น บอกเราว่า “และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์  คือถ้าเราทูลขอสิ่งใด ที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์  พระองค์ก็


                                 

 

ทรงโปรดฟังเรา” (1 ยอห์น 5:14)  เอลียาห์ทูลขอไม่ให้ฝนตก  เพราะจะได้เป็นไม้เรียวให้กษัตริย์ และคนอิสราเอลที่เดินหันหลังให้พระเจ้า พวกเขาจะได้รู้สำนึก  มันใช่  น้ำพระทัยพระเจ้าเชียว  และทูลขอให้ฝนตกหลังจากคนยิวกลับใจ  ทั้งได้ขจัดต้นตอของรูปเคารพจากแผ่นดิน  เอลียาห์รู้ดีว่า มันสอดคล้องกับน้ำพระทัย  ลองตอบคำถามตัวเองว่าสิ่งที่ขอนั้น สอดคล้องกับพระประสงค์หรือไม่  ถ้าท่านทูลขอให้ถูกหวยสักงวด  ให้มีบ้านใหญ่โต ฯลฯ  ถามตัวเองอีกที  “ท่านมั่นใจกับพระเจ้าหรือ”  

 

                                      

 

3.  มั่นใจว่าจะรับคำตอบ

 

        เราสามารถขออะไรกับพระเจ้าเงียบ ๆ ไม่บอกใคร  ถามว่า  ทำไมไม่บอกใคร   ก็เพราะถ้าไม่ได้รับคำตอบก็กลัวเสียหน้า  จึงเงียบ ๆ ไว้  ไม่มีใครรู้   ต่างกับเอลียาห์ครับ   เอลียาห์บอกให้อาหับทราบ “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเสวย และดื่มเถิด  เพราะมีเสียงฝนกระหึ่มมา” (1 พกษ. 18:41)  มีเรื่องเล่าว่า  หมู่บ้านหนึ่งแห้งแล้ง ฝนไม่ตกมานานหลายเดือน  คริสเตียนจึงไปรวมตัวกันที่โบสถ์เพื่อขอฝนจากพระเจ้า   มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปร่วมอธิษฐานด้วย  แต่เธอแตกต่างจากคนอื่นตรงที่เธอเอาร่มไปด้วย  ศิษยาภิบาลถามว่า  ทำไมเอาร่มมาด้วย  เธอบอกว่า  “กลัวจะเปียกฝนตอนกลับบ้าน”  เอลียาห์บอกกษัตริย์  ว่าท่านได้ยินเสียงฝน  ตั้งแต่ไม่มีเมฆสักก้อน  

 

4.  อธิษฐาน ขณะรอคำตอบ

 

       “เอลียาห์ขึ้นไปบนยอดเขาคารเมล  ท่านโน้มตัวลงถึงดิน  ซบหน้าระหว่างเข่า”  (1 พกษ. 18:42)  ฝนยังไม่มา  ฟ้ายังไม่ครึ้ม  จะไปเอ้อระเหย ลอยชายที่ไหน  ผู้ทูลขอที่ร้อนรน  อย่างเอลียาห์ใช้เวลาเข้าเฝ้า  ผมนึกถึงพวกศิษย์ 120 คน  หลังพระเยซูเสด็จสู่สวรรค์  พระเยซูตรัสบอกพวกเขาว่า  อย่าเพิ่งไปไหนจนกว่าได้รับพระวิญญาณ พวกเขาจึงขะมักเขม้นอธิษฐานทุกวันที่ห้องชั้นบน  (กิจการ 1:12-14)  เราต้องไม่ลืมว่า   พระเจ้าคือผู้ตอบ  พระองค์ไม่ใช่ตู้เอทีเอ็ม  ไม่ใช่หุ่นยนต์  ที่กดปุ่มอะไรแล้วเราจะได้คำตอบ   แต่พระองค์คือพระบิดา ผู้ตัดสินพระทัย  ดังนั้นเราต้องเข้าเฝ้า  สามัคคีธรรมกับพระองค์     

 

5.  คำทูลขอ  ชัดเจน  

 

      เอลียาห์เคยขอไม่ให้ฝนตก  เคยขอไฟตกจากฟ้ามาเผาแท่นบูชา  คราวนี้ท่านขอให้ฝนตก  ทุกคำทูลขอของท่านชัดเจน  ไม่คลุมเครือ  ผมสังเกตว่าหลายครั้ง  คำทูลของเราไม่ชัดเจน  เพราะเราไม่กล้าตัดสินใจ  หรือเพราะเราไม่มั่นใจว่าเป็นน้ำพระทัยหรือไม่  ถ้าเราขอการหายโรค  เราก็ใช้คำว่า “ถ้าเป็นน้ำพระทัย  ขอให้หายดี”  เป็นอันว่า เรายังคิดว่า พระเจ้าคงประสงค์ให้เราป่วยอย่างนี้  เปาโล  เมื่อทูลขอให้พระเจ้าเอาหนามออกจากชีวิตท่าน  ท่านก็มิได้ทูลอย่างคลุมเครือ  ท่านทูลชัดเจน “ขอให้มันหลุดไปจากท่าน” (2 คร. 12:8)  ถ้าผิดพระประสงค์พระองค์จะบอกเราเอง  และพระองค์จะทรงบอกเหตุผลเราด้วย “แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า


                             

 

“การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน  เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” (2 คร. 12:9)

 

6.  ความเชื่อ ทำให้เราไม่หยุด

 

    “และ​ท่าน​สั่ง​คน​ใช้​ของ​ท่าน​ว่า “จง​ลุก​ขึ้น​มอง​ไป​ทาง​ทะเล” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​มอง​และ​ตอบ​ว่า “ไม่​มี​อะไร​เลย” และ​ท่าน​บอก​ว่า “จง​ไป​ดู​อีก​เจ็ด​ครั้ง” ( 1 พกษ. 18:43)   เอลียาห์ให้คนใช้ไปเช็คคำตอบ  “ไปดูทางทะเลซิ  มีเค้าเมฆมาแล้วหรือยัง”  ผมนึกภาพออก  ผมเคยไปภูเขาคารเมล  มองจากภูเขาเห็นทะเลเมดิเตอเรเนียน ไปไกลลิบขอบฟ้า  คนใช้กลับมา  บอกว่า “ไม่เห็นอะไรเลยครับ” เอลียาห์บอกให้ไปดูใหม่  ไม่นานเขากลับมาบอกอีกว่า “ยังไม่เห็นอะไรสักนิดครับท่าน”  สักพัก  เอลียาห์ก็ใช้ให้เขาไปดูอีก  เขาก็รายงานอีก  “ยังไม่เห็นอะไรเลย” ผมนึกภาพว่าถ้าเป็นคนใช้  ก็คงหงุดหงิด  คิดไปว่า  เอลียาห์หลงไปหรือเปล่า  ยิ่งหลายครั้งเข้า อาจยิ่งทวีความลังเล   แต่ตรงกันข้ามกับเอลียาห์  ท่านมั่นใจไม่คลอนแคลนเลย  หกครั้ง  คนใช้ยังไม่เห็นอะไรบนท้องฟ้าเลย

 

จนกระทั่งครั้งที่ 7 คนใช้กลับมารายงานว่า  “เห็นเมฆก้อนเท่าฝ่ามือ”  บ่อยครั้ง  เมื่อเราอธิษฐานทูลขอสิ่งใด เราอาจมักยังไม่ได้รับคำตอบ   เป็นการทดสอบความเชื่อของเรา   ความเชื่อ ไม่สงสัย  ไม่วอกแวก  แต่ 


                             

 

มั่นใจในพระเจ้าเสมอ  พระเจ้ายังทรงช้าอยู่  มิได้แปลว่าพระองค์ไม่ตอบ  คำตอบที่ยังชักช้าอยู่มัก  สอนให้เราวางใจในพระองค์มากยิ่งขึ้น

 

7.  อย่าดูหมิ่น คำตอบเล็ก ๆ  ที่ปรากฏให้เห็น

 

           “และ​อยู่​มา​เมื่อ​ถึง​ครั้ง​ที่​เจ็ด​เขา​บอก​ว่า “ดู​เถิด มี​เมฆ​ก้อน​หนึ่ง​เล็ก​เท่า​ฝ่า​มือ​คน​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล และ​ท่าน​ก็​บอก​ว่า ‘จง​ไป​ทูล​อา​หับ​ว่า ‘ขอ​ทรง​เตรียม​ราช​รถ​และ​เสด็จ​ลง​ไป​เพื่อ​พระ​องค์​จะ​ไม่​ติด​ฝน’ ” และ​อยู่​มา​อีก​ครู่​หนึ่ง ท้องฟ้า​ก็​มืด​ไป​ด้วย​เมฆ​และ​ลม และ​มี​ฝน​หนัก” (1 พกษ. 18:44-45) งานใหญ่เริ่มมาแต่  จุดเล็ก ๆ เสมอ  เอลียาห์เห็นเรื่องนี้ชัดเจน   จึงทูลอาหับให้เตรียมราชรถ เกรงว่าจะติดฝน   วันนี้  พระเจ้าทรงให้เราเห็นพระราชกิจของพระองค์  เหมือนเมฆเท่าฝ่ามือ  ครับ  ฝนห่าใหญ่กำลังจะเทลงมา ผมนึกถึง คุณไพฑูรย์  ชุมชนคลองเตย  ผมคิดถึงกลุ่มเซลล์ที่โคกขี้เหล็ก  หลายปีก่อน  ผมคิดถึงนักเรียนศูนย์ฝึกชุดแรก  คิดถึงการวางมือรักษาโรคในกลุ่มสะมาเรีย  สองปีที่แล้ว  คิดถึงห้องประกาศเพชรบุรี   มันคือเมฆก้อนน้อย ๆ  ที่กำลังนำไปยังฟ้าครึ้มฝน  และพระพรยิ่งใหญ่

 

           ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ



Visitor 61

 อ่านบทความย้อนหลัง