กษัตริย์อาคริปปา และเปาโล

ศบ.

 

เป็นคริสเตียน  กับไม่เป็นคริสเตียนต่างกันตรงไหน

 

              ช่วงนี้ผมกำลังสอนหนังสือกิจการ บทที่ 26 เรื่องการที่เปาโลแก้คดี  ต่อพระพักตร์กษัตริย์  เฮโรด อาคริปปา ที่ 2  ผมบอกนักเรียนในชั้นว่า เปาโลเป็นพยาน ให้กษัตริย์ และเฟสตัส  ข้าหลวงคนใหม่ ที่ซีซาร์ส่งมาปกครองจูเดียฟัง  พร้อมกับนายทหารและเจ้าขุนมูลนาย  ท่านใช้คำว่า แก้คดี  อย่างผู้ต้องหาอยู่หน้าบัลลังก์ศาล ให้กษัตริย์ตัดสินว่า ตนเองมิได้ผิด  ตามที่พวกยิวกล่าวหา แต่ในความเป็นจริง  เปาโลใช้โอกาสอันประเสริฐ  โอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้  เป็นพยาน  ประกาศพระกิตติคุณให้กษัตริย์ฟัง ทั้งชักชวนให้กษัตริย์กลับใจมาเชื่อพระเยซู  เป็นคริสเตียน   

 

              จบคำพยาน  เปาโลก็เชิญชวนกษัตริย์ต้อนรับพระเยซู  “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา  ฝ่าพระบาทเชื่อพระคัมภีร์ผู้เผยพระวจนะหรือไม่  พระเจ้าข้า ข้าพระบาททราบว่าฝ่าพระบาทเชื่อ”  (กิจการ 26:27)

 

            นี่คือคำเชิญชวน  อย่างสุภาพนิ่มนวลที่สุด แล้วกษัตริย์ก็ทรงบ่ายเบี่ยง  ปฏิเสธ หลีกเลี่ยงการตัดสินพระทัย  ตรัสกับเปาโลว่า “เจ้าอยากจะชวนเราให้เป็นคริสเตียนด้วยคำชักชวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เปาโลจึงทูลว่า “จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า ข้าพระบาทมีความปรารถนายิ่งนัก ไม่ว่าด้วยคำชักชวนน้อยหรือมาก  ที่จะให้เป็นเหมือนอย่าง ข้าพระบาท  มิใช่ฝ่าพระบาทองค์เดียว แต่คนทั้งปวงที่ฟังข้าพระบาทวันนี้ด้วย”  ( กิจการ 26:29 )


                          

 

กษัตริย์เฮโรด  อากริปปา  ที่ 2  มีความรู้ชำนาญขนบธรรมเนียมของยิว  อย่างดี  รู้เรื่องความหวังใจในพระสัญญา ที่บรรพบุรุษยิวรอคอย  พวกเขาฆ่าลูกแกะถวายเป็นเครื่องบูชา  ในพลับพลา และที่พระวิหาร ขอให้พระเจ้าโปรดอภัยความผิด ด้วยใจเชื่อว่าวันหนึ่ง แพะรับบาปตัวจริงจะเสด็จมา  พระองค์จะวายพระชนม์ชีพเพื่อไถ่โทษบาปของเรา  และพระองค์จะเป็นขึ้นจากความตาย 

 

           เมื่อ ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา “เหตุการณ์ พระเยซูถูกตรึงที่ไม้กางเขน” เป็นเรื่องเขย่าขวัญยิวทั้งชาติ ไม่มีใครไม่รู้  “เพราะข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ไม่มีสักอย่างหนึ่งในบรรดาเหตุการณ์เหล่านั้น  ที่ได้พ้นพระเนตรของพระองค์  เพราะการเหล่านั้นมิได้กระทำในที่ลับลี้” (กิจการ 26:26)  กษัตริย์มิอาจปฏิเสธ สำหรับการฟื้นคืนพระชนม์นั้น ถ้ากษัตริย์จะทรงพินิจพิเคราะห์สักนิด  ก็ต้องยอมรับว่า ทั้งบรรดาสาวกของพระเยซู  และผู้เชื่อทั้งหลาย กล้าหาญ ลุกขึ้นประกาศการคืนพระชนม์  โดยไม่กลัวตาย ใครก็ตามที่กลับใจใหม่ หันมาหาพระเจ้า (กิจการ 26:20) ใครก็ตามที่เชื่อ พระเจ้าจะยกโทษ นับเขาเป็นผู้ชอบธรรม (กิจการ 26:18) 

 

              แต่กษัตริย์อากริปปา ก็  มีทิฐิ   บ่ายเบี่ยง  ไม่ยอมกลับใจเชื่อ  อากริปปาจึงมิได้เป็นคริสเตียน 

 

ต่างจากเปาโล แม้อดีตของท่านจะ เคยเคร่งครัดพระบัญญัติ เป็นฟาริสี เป็นยิวหัวรุนแรงที่ข่มเหงคริสเตียน จับคริสเตียนเข้าคุก เห็นชอบกับการฆ่าสเตเฟน มัคนายกที่เยรูซาเล็ม  (กิจการ 26:4-11)  แต่เมื่อท่านได้พบพระเยซู  เปาโลก็ละทิฐิของตน  น้อมรับความจริง   ท่านกล่าวว่า ”ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา  เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว  ข้าพระบาทจึงเชื่อฟังนิมิต ซึ่งมาจากสวรรค์ และมิได้ขัดขืน” (กิจการ 26:19) จากคนที่ข่มเหงคริสเตียน  เปาโลกลับใจเชื่อพระเยซู  เป็นสาวก ไปที่ไหนท่านก็เป็นพยานให้คนทั้งหลายทราบว่า พระเยซูเป็นบุตรพระเจ้า  วายพระชนม์เพื่อไถ่โทษบาป  และทรงฟื้นคืนพระชนม์   


                                       

 

ผมนำคนสองคนมาเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ คือ กษัตริย์อากริปปา และเปาโล ทั้งสองเป็นยิวเหมือนกัน รู้พระบัญญัติของโมเสสเหมือนกัน ทั้งสองเฝ้ารอพระเมสสิยาห์เหมือนกัน ทั้งสองได้รู้เห็นการวายพระชนม์ที่กางเขน เช่นเดียวกัน ทั้งสองทราบกระแสของผู้เชื่อที่ลุกขึ้นมาอย่างห้าวหาญ ประกาศการคืนพระชนม์เช่นเดียวกัน  ครั้นเมื่อเปาโลพบพระเยซู ท่านกลับใจใหม่รับเชื่อ    แต่กษัตริย์อากริปปาไม่ยอม 

 

               พระเยซูทรงเปรียบ เทียบ ผู้เชื่อกับผู้ไม่เชื่อ เหมือนแกะกับแพะ (มัทธิว 25:32-33)  แกะเชื่อฟัง  แต่แพะดื้อดึง  พระองค์ตรัสว่า“ แกะของเรา ย่อมฟังเสียงของเรา และเรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา” (ยอห์น 10:27) ไม่มีใครมาหาพระเจ้า โดยไม่ต้องสูญเสียอะไร  พระเยซูตรัสว่า ผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นชนะตนเอง  สละสิ่งสารพัดติดตามพระองค์

 

           1.  ยอมสละภูมิหลัง

 

               เราแต่ละคนต่างมีภูมิหลัง  และสังคมที่แตกต่างกัน บางครั้ง ภูมิหลัง และสังคม เป็นกำแพง  ที่ตีกรอบไม่ให้เรามาเชื่อพระเจ้าได้โดยง่าย กษัตริย์อากริปปา มีปู่ย่าตาทวด  และพ่อที่ต่อต้านพระเยซู  เฮโรด  มหาราช  คือทวดผู้สั่งประหาร เด็กทั้งหมู่บ้านเบธเลเฮ็ม เพื่อประสงค์จะฆ่าพระกุมารเยซู  (มัทธิว 2:16-18) เฮโรด  แอนทิพาส  คือปู่ผู้สั่งให้ตัดศีรษะของยอห์น  ผู้ให้บัพติสมา ตามคำขอของนางเฮโรเดีย (มัทธิว 14:1-10)  เฮโรด อากริปปาที่ 1  คือบิดาผู้สั่งให้ตัดศีรษะยากอบ  ลูกศิษย์คนหนึ่งของพระเยซู  (กิจการ 12:1-2) หลายคนบอกว่า  ตนไม่อาจเป็นคริสเตียนได้ เพราะวงศาคณาญาติทั้งเทือกเถาเหล่ากอของเรา ไม่มีใครเป็นคริสเตียน สักคน การเข้ามาเป็นคริสเตียน คือการแหกคอก คือการผ่าเหล่า เปาโลก็มีภูมิหลัง ไม่แพ้กษัตริย์อากริปปา  ท่านเป็นฟาริสี  ท่านเคยเรียนพระบัญญัติกับ  กามาลิเอล  บรมครูที่เยรูซาเล็ม  ท่านคือหัวโจกของยิวที่ต่อต้านคริสเตียน  แต่เมื่อเปาโล ทราบความจริง เมื่อท่านมารู้จักพระเยซู  ท่านละทิฐิ  ถ่อมใจเข้ามาเป็นศิษย์พระองค์


                            

 

              2.  ยอมเสียผลประโยชน์

 

                  ซีซาร์ แต่งตั้งอากริปปา ให้เป็นกษัตริย์ปกครองยิว เรียกว่าเป็นกษัตริย์หุ่น  ที่โรมเชิดให้เล่นบทนี้ โรมเองไม่เชื่อพระเจ้า โรมยกซีซาร์ให้เป็นเทพ หลายเมืองที่โรมเข้าไปปกครอง  พวกโรมัน ปั้นหุ่นรูปซีซาร์บังคับให้คนกราบไหว้  การเชื่อพระเยซู เชื่อเรื่องพระผู้คืนพระชนม์  เป็นสิ่งที่เข้ากับโรมไม่ได้  ซีซาร์อาจปลดเฮโรด อากริปปา ออกจากตำแหน่งกษัตริย์ได้  สภาสูงของยิวก็เช่นเดียว โดยเฉพาะมหาปุโรหิต ผู้เป็นประธานสภา เป็นสะดูสีที่ไม่เชื่อเรื่องการเป็นขึ้นจากความตาย  ดังนั้น ถ้ากษัตริย์อากริปปา เข้ามาเชื่อพระเยซู  ก็เท่ากับสร้างศัตรูกับพวกยิว ที่ออกอาการอยากได้ตัวเปาโลไปฆ่า กษัตริย์อาคริปปา ทรงทราบดีว่า ถ้าพระองค์เข้ามาเป็นคริสเตียน ยิวจะไม่นับถือ ทั้งจะถูกต่อต้านด้วย ตรงกันข้าม หากเล่นงานเปาโล ยิวก็จะชอบใจ (กิจการ12:3,25:9) ผมเคยพบคนที่รู้เรื่องพระเยซูดี  ชื่นชอบชีวิตคริสเตียน  แต่รู้ว่า  หากเขาเข้าเชื่อพระเจ้า เขาจะกลายเป็นแกะดำในสังคมของตน การงานของเขาจะไม่รุ่ง  เจ้านายอาจไม่ชอบ  บางคนมีตำแหน่ง  มีหน้ามีตาท่ามกลางคนในหมู่บ้าน   การมาเชื่อพระเยซูจะทำให้สังคมไม่ยอมรับ เขาจึงปฏิเสธ

 

                 เปาโล  เคยมีเกียรติในสังคมฟาริสีของตน แต่เมื่อท่านทราบความจริง เปาโลก็ไม่เกรงใจใคร ท่านตัดสินใจเลือกพระเยซูทันที เปาโลบอกว่า “สิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งเหล่านั้นไร้ประโยชน์แล้ว  เพื่อเห็นแก่พระคริสต์” (ฟิลิปปี 3:7 )

  

   3. หากเราดำเนินในความผิด เราต้องกลับใจ 

 

               แท้จริงพระนางเบอนิส  เป็นน้องสาวของกษัตริย์อาคริปปา เธอเคยเป็นพระมเหสี  ของ เฮโรด แห่งคัลชีส มีโอรสด้วยกัน 2 พระองค์  สมรสด้วยกัน 7  ปี  เมื่อเฮโรด  สิ้นพระชนม์ เธอก็มาอาศัยอยู่กับ กษัตริย์เฮโรด อากริปปา ที่ 2  พี่ชาย และมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างพี่กับน้อง ภายหลังพระนางเบอร์นิสก็ไปมีเพศสัมพัน์กับ ทิตัส  แม่ทัพโรม  เปาโลเคยใช้ชีวิตผิด ข่มเหงคริสเตียน  ท่านสำนึกและกลับใจโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครมาหาพระเจ้า โดยไม่ต้องเสียค่าอะไร บาปที่เราเคยถนอม เราต้องเลิก เราต้องกลับใจจากความผิดฟ้องร้องอยู่ในจิตใจ  เข้ามาเชื่อพระเยซูเพื่อรับเอาการไถ่โทษบาปในอดีตของเรา  เมื่อพระเยซูเป็นทนายให้กับหญิงที่ล่วงประเวณี  พระองค์ตรัสว่า “มีใครเอาโทษเจ้าบ้างหรือ”  เธอมองไปไม่เห็นใคร  ตอบว่า “ท่านเจ้าข้า   ไม่มี” พระองค์ตรัสตอบเธอว่า  “เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิด  อย่าทำผิดอีกเลย”   


                               

 

4.  ใช้ชีวิตสมกับการกลับใจใหม่แล้ว  

 

             เป็นคริสเตียน มิได้อยู่แค่การตัดสินใจ  มาหาพระเจ้า ในวันที่กลับใจเชื่อพระองค์  แต่เราต้องยังคงดำเนินชีวิตเชื่อฟัง   อย่างลูกแกะ ต่อเนื่องกันไป   เราไม่เพียงแต่รับความรอดเท่านั้น  แต่คริสเตียนปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าด้วย เปาโลรับ พระบัญชาจากพระเยซูตั้งวันที่ท่านกลับใจใหม่ “จงลุกขึ้นยืนเถิด  ด้วยว่าเราได้ปรากฏแก่เจ้า  เพื่อตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้และเป็นพยานถึงเหตุการณ์ที่เจ้าได้เห็น” (กิจการ 26:16) และเปาโลก็ได้ชีวิตเป็นผู้ปรนนิบัติพระเยซูตลอดมา “ข้าพระบาทได้กล่าวสั่งสอนเขา  ตั้งแต่ดามัสกัส ในกรุงเยรูซาเล็ม  ทั่วแคว้นยูเดีย  และแก่ชาวต่างประเทศ”(กิจการ 26:20) พระเยซูตรัสว่า “ผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเรา เราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข จงเอาแอกของเราแบกไว้และเรียนจากเรา  เพราะแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” การปรนนิบัติ  พระเยซู  เป็นธรรมชาติของ  ผู้ที่เป็นคริสเตียนบังเกิดใหม่ครับ

 

                ขอพระเจ้าอวยพระพร



Visitor 430

 อ่านบทความย้อนหลัง