ทรงใช้คนสามัญ  สู้ศึกใหญ่

ศบ.

 

 วันนี้ผมขอเล่าเรื่องของกิเดโอน   กิเดโอนเป็นผู้วินิจฉัยคนที่ 5 ของอิสราเอล 

 

                 หลังจากโยชูวา  พาคนยิวเข้าไปยึดครองแผ่นดินปาเลสไตน์แล้ว คนยิวยังคงดื้อดึง  และพระเจ้าก็ทรงยอมให้คนคคะนาอัน  ยังคงอาศัยอยู่  เช่น คนฟิลิสเตีย  คนเปริสซี  คนฮีไวต์  คนเยบุส  คนมีเดียน ฯลฯ  เพื่อใช้ทดสอบว่ายิวจะเชื่อฟังพระเจ้าหรือไม่ (ผู้วินิจฉัย 3:1)   คนเหล่านี้จึงเป็นดังหอกข้างแคร่ของยิว  คนยิวเองก็ลืมพระเจ้า  ทำบาปชั่ว  ชาวเมืองพวกนี้ก็เข้ามาข่มเหงรังแก  ทำเอายิวกลัวหัวหด  ทุกข์หนักเข้าก็ร้องเรียกพระเจ้าให้ช่วย   เหมือนลูกดื้อสำนึก  พระเจ้าก็จะส่งคนพิเศษเข้ามาช่วยนำพวกเขาให้สู้ศึก   พ้นทุกข์      ดูซิ  มันช่างเหมือน คริสเตียนทุกวันนี้  “ยามสุขก็ลืมพระเจ้า  ทุกข์หนักเข้า จึงทูลพระองค์”    

 

                 คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน

 

                ยิวทำบาป ลืมพระเจ้า  พวกมีเดียน  และอามาเลข ก็พากันเข้ามารังควาน   ยึดบ้านเรือน ไร่นา  จนชาวยิวไม่ได้ทำมาหากิน  ตกต่ำถึงที่สุด   พระเจ้าทรงพระเมตตา จึงทรงเสาะหาใครสักคนมาเป็นผู้นำ  และพระองค์ทรงแลเห็นกิเดโอน   กิเดโอน พ่อหนุ่มในตระกูลเอบีเยเซอร์   มิได้เป็นนักรบ  มิได้เป็นเสนาธิการทหาร   หรือเป็นอัศวินมาก่อน  เขาเป็นคนสามัญที่เชื่อพระเจ้า  ใครก็ตามที่ยอมให้พระเจ้าใช้   พระองค์สามารถทำการยิ่งใหญ่ผ่านเราได้    อ่านประวัติดูแล้ว  จะเห็นว่าในบรรดาผู้วินิจฉัยของคนยิวทั้งหมด  ยิวภาคภูมิใจกิเดโอนมากยิ่งกว่าใคร  

          

    1. ขณะที่เราไม่เชื่อในตัวเอง พระเจ้าทรงเชื่อในตัวเรา

       ตอนที่พระเจ้าเรียกกิเดโอน  ท่านแอบไปนวดข้าวในบ่อย่ำน้ำองุ่น  เพราะหลบตาพวกมีเดียน  กล่าวว่า “เจ้าบุรุษผู้กล้าหาญเอ๋ย  พระเจ้าทรงสถิตกับเจ้า” (วนฉ.  6:12)  ทรงเห็นความกล้า  ซ่อนอยู่ในตัวกิเดโอน  บางคนว่า นี่เป็นวิธีจิตวิทยาของพระเจ้า  เรียก “คนเล็กว่าโต  เรียกคนโง่ว่าฉลาด  เรียกคนขลาดว่ากล้า”  ไม่หรอกครับ  พระเจ้าไม่เสแสร้งอย่างขุนพลหนังจีน  พระเจ้าทรงสัตย์จริงในพระทัยเสมอ  พระองค์แลเห็นความกล้าซ่อนอยู่ข้างในกิเดโอน  วันนี้  ยังทรงเห็นเพชรซ่อนอยู่ตัวท่าน  “อย่าปรักปรำตน ว่าเป็นคนครั่นคร้าม  อย่าประณามตัว   ว่ากลัวไปหมด” พระเจ้าทรงเห็นต่าง ในสายพระเนตร ท่านคือผู้กล้าครับ  


                              

 

เจ้าทรงเห็นต่าง ในสายพระเนตร ท่านคือผู้กล้าครับ  

 

       2. พระเจ้ามีงานให้ทำ  มีวีรกรรมให้ช่วย 

 

        วันนี้  งานที่จะต้องช่วยคนไทย มีมากล้นเหลือเกิน

 

      ศัตรูกรีฑาทัพมาคราวนี้  ไม่ธรรมดาครับ  มากมายมืดฟ้ามัวดิน  “ฝ่ายคนมีเดียน คนอามาเลขกับชาวตะวันออก  นอนอยู่ตามหุบเขา เหมือนตั๊กแตนเป็นฝูง ๆ  ฝูงอูฐของเขาก็นับไม่ถ้วน  มากดุจเม็ดทรายที่ฝั่งทะเล” (วนฉ. 7:12)  ตั้งเต็นท์ที่หุบเขา  คนยิวมองลงไป  เห็นกระโจมดำทะมึนไปหมด   ด้วยสายตาคนแล้ว  ไม่นึกขลาดก็ต้องขลาดแหละครับ ฝ่ายคนยิวนั้นยังเกาะกันไม่ติด  กระจายอยู่ตามเผ่า ที่โน่น  นี่ นั่น  นับจำนวนเป็นกอบเป็นกำไม่ได้   อ่านเรื่องกิเดโอนคราวใด  ผมอดนึกถึง ภารกิจที่จะนำพี่น้องชาวไทยมารู้จักพระเจ้าไม่ได้   “มันยิ่งใหญ่เหลือคณา  มันประดาเหลือจะนับ”  มองกำลังผู้เชื่อก็เช่นกัน “ช่างน้อยนิดในจำนวน มองสัดส่วนชวนใจหาย”  นึกถึงคำของเปาโล  ท่านว่า “ใครเล่าจะมีความสามารถ เหมาะสมกับพันธกิจเหล่านี้” ( 2 โครินธ์ 2:16)   

 

3. ขอความมั่นใจจากพระเจ้า 

 

             กิเดโอน มิได้  “ท้อถอยกับกำลังศัตรู   แต่คิดสู้โดยพึ่งพระเจ้า”  วันนี้พระเจ้ากำลังเสาะหา คนอย่างนี้  ผมแบ่งคนออกเป็น 3  ประเภท (1) ไม่คิดทำอะไร  อยู่ในถ้ำก็อยู่กันต่อไป  หนีลงรูก็หนีกันไป  เรื่องอะไรต้องไปสู้ศึก  เรื่องอะไรต้องรับผิดชอบนำคนไทยมาหาพระเจ้า  “เรียกก็ไม่ลุก  ปลุกก็ไม่ตื่น  เงินก็ไม่ให้  ไหก็ไม่คืน” (วาทะของ อจ. บุญมาก กิตติสาร ครับ)    ธุระไม่ใช่ (วนฉ. 8:1) (2) คิดสู้โดย  นั่งประเมินกำลัง  แบบหนังสามก๊ก “รู้เขา รู้เรา” แล้วก็ลงความเห็นว่าน่ากลัว สู้ไม่ได้ (วนฉ. 7:3)  (3) คิดสู้โดยพึ่งพระเจ้า และนี่แหละคือ กิเดโอน กับคนที่ร่วมรบกับท่าน (วนฉ. 7:7 )

 

                                

 

เจ้า และนี่แหละคือ กิเดโอน กับคนที่ร่วมรบกับท่าน (วนฉ. 7:7 )

 

           กิเดโอน ขอให้ตนมั่นใจว่า  พระเจ้าจะทรงช่วยกู้คนอิสราเอลด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ เท่านั้นพอ  นี่เป็นเหตุที่ท่านทูลขอการทดสอบเรื่อง  “ขนแกะกับน้ำค้าง” เอาขนแกะไปวางที่ลานนวดข้าวกลางหาว  และว่า ถ้าพระองค์ช่วย  ขอให้ขนแกะเปียก  แต่พื้นรอบ ๆ แห้ง  ก็เป็นอย่างนั้น  กิเดโอน  ยังอยากได้ความแน่ใจ วันรุ่งขึ้น  ท่านทำอย่างเดียวกัน เอาขนแกะไปวางกลางหาว  คราวนี้ขอให้พื้นรอบ ๆ เปียก  ขนแกะแห้ง  ไม่ผิดพลาดครับ  พระเจ้าช่วยให้เขามั่นใจ  ว่าพระองค์จะทำการ  เราละไม่เชื่อหรือว่า พระเจ้าจะทรงร่วมมือด้วยเวลา  วางมือรักษาคนป่วย  เวลาขับผี  เวลาเผยแพร่  ช่วยคนติดยา  ฯลฯ

             

   กิเดโอน  ข้องใจ  ใคร่จะรู้       พระกอบกู้   อยู่ด้วย ช่วยไหมหนอ

 ขอได้เห็น พระหัตถ์ เด่นชัดพอ        จะขอสู้  ศึกนี้  มิหวั่นใจ

     นำขนแกะ มาวาง ไว้กลางหาว    ลานนวดข้าว  แห้งสนิท ผิดวิสัย

ส่วนขนแกะ เปียกชุ่ม   อุ้มน้ำไว้         ดังนี้ไซร้ ใจมั่นคง ไม่สงกา

     พระตอบแล้ว ขออีกครั้ง  ยังทรงตอบ   ทรงชื่นชอบ หนุนใจ ไม่กังขา

เป็นบทเรียน จดจำ  พระนำพา          จึงหาญกล้า ลงมือไป ให้คนตาม                                         

   

   พระเจ้าเจิม เสริมท่าน ใจหาญกล้า  เรียกคนมา เชื่อพระองค์  ลงสนาม    

ปราบมีเดียน ช่วยกันสู้  ผู้คุกคาม       มีคนสาม หมื่นสอง ร้อง “อื้อ ฮือ”

  ข้าศึกมาก  ดุจเม็ดทราย  ที่ชายฝั่ง    รวมพลัง  ตั้งค่ายใหญ่  ใครจะหือ

เหมือนศัตรู ขู่เข็ญเรา ว่าเขาคือ         ผู้ซึ่งถือ  ธงชัย   ไว้แน่นอน

   

    แม้ไพร่พล  คนยิว ประติ๋วแท้        อย่ายอมแพ้ พวกเขา พระเจ้าสอน

เราสามารถ  ปราบศัตรู ผู้ลิดรอน       มากสลอน เพียงใด  ไม่หวั่นเกรง

   “คนของเจ้า  ยังมีมาก  หากชนะ    จะทะนง หลงว่า ตัวข้าเจ็ง

 หากผู้ใด ใจพ่วง ห่วงตนเอง           จงรีบเร่ง กลับไป ไม่ว่ากัน

        

    มีคนสอง หมื่นสอง  เดินทางกลับ   นับจำนวน ถ้วนถี่  ที่เลือกสรร

มั่นใจสู้ แน่ แน่ แค่สิบพัน              ถึงกระนั้น พระตรัส ต้องคัดออก

   คัดคนวัก น้ำธารา  ขึ้นมาดื่ม          ว่าไม่ลืม ระวังภัย  ทั้งในนอก

เป็นคนที่ มีวินัย ไม่แวกวอก            อีกระลอก ได้สามร้อย มิน้อยเลย

               

     พระเจ้าตรัส แค่นี้  มีมากพอ        เราเป็นต่อ  พระองค์  ทรงเปิดเผย

ชนะศึก คนเป็นแสน เปลี่ยนแผนเคย   พระเฉลย แผนใหม่ ให้กิเดโอน  

 

     จบบทกลอนไว้แค่นี้ก่อน เรารู้ดีว่า  พระเจ้าให้ กิเดโอน ไปสู้กับพวกมีเดียนนับแสน ด้วยคนแค่ 300 คน โดยใช้วิธี  ล้อมพวกเขา  ในเวลากลางคืน แต่ละคนถือเขาสัตว์  และหม้อไฟ ยืนล้อมรอบบนภูเขา ร้องตะโกนว่า “กระบี่ของพระเจ้าและกิเดโอน  แล้วตีหม้อไฟ ให้ลุกติดขึ้นพร้อมกัน  พร้อมทั้งเป่าเขาสัตว์  เท่านั้นแหละ  พวก  มีเดียนตกใจ  นึกว่ามี 300  กองทัพ  กำลังบุกมา  ลุกขึ้น  โกลาหนมากในค่าย  ฆ่ากันเองเจ็บตายระนาว  


                             

 

 พระเจ้าจะใช้วิธีพิเศษ  สำหรับการประกาศในประเทศไทย  วันก่อนผมเล่าให้ฟังเรื่องสิบเอกยอร์ค คนเดียวไปจับเยอรมัน 230  ซึ่งเป็นทหารกองปืนกล  ในสงครามโลกครั้งที่  1  เขากล้าหาญครับ  พระเจ้าจะใช้คนเต็มใจรบ  คนกล้าเสี่ยงภัย  กล้าลงทุนด้วยชีวิต  กล้าหาญมีวินัย  และเชื่อฟัง ขอให้เรามั่นใจว่า  พระเจ้าร่วมรบกับเรา  พระเยซูตรัส  หลังจากกล่าวถึงพระมหาบัญชาว่า “นี่แน่ะ  เราจะอยู่กับเจ้าเสมอไป  จนกว่าจะสิ้นยุค”  เชื่อไหมล่ะครับ   

 

            ขอพระเจ้าอวยพระพร      

 



Visitor 97

 อ่านบทความย้อนหลัง