เป็นเด็กดีเด่น เช่น ทิโมธี


ศบ.
วันนี้ คริสตจักรจัดเป็น “วันเยาวชนของคริสตจักร”
ผมขอฝากคำขวัญสำหรับเด็กๆทั้งหลาย ดังนี้ “มีวินัย ใจกล้าหาญ อธิษฐานเสมอ รักเลอล้ำคำสอน” คำขวัญนี้นำมาจากถ้อยคำที่เปาโลเตือนทิโมธี ใน 2 ทิโมธี 1:6-7


“อันชองประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในท่าน โดยที่ข้าพเจ้าเอามือวางบนท่านนั้น ขอเตือนว่า ท่านจงกระทำให้รุ่งเรืองขึ้น เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังตับตนเองให้แก่เรา”

ทิโมธีเป็นอนุชน อ่อนวัย ขี้โรค และขี้อาย มีพ่อเป็นคนกรีก เข้าใจว่าไม่เป็นคริสเตียน มีแม่เป็นยิว ชื่อนางยูนิส เป็นคริสเตียนรักพระเจ้า ยายที่ชื่อโลอิสก็รักพระเจ้าเช่นกัน ยายและแม่ ต่างมีอิทธิพลต่อทิโมธีตั้งแต่เด็ก นางยูนิสตั้งชื่อลูกเป็นภาษากรีกว่า “ทิโมธี” แปลว่า รักพระเจ้า คงเป็นเพราะอยากให้ลูกเป็นคริสเตียนรักพระเจ้า เมื่อตอนที่เปาโลมาประกาศที่เมืองลุทรา ครั้งแรกนั้น นางยูนิส ต้อนรับเปาโลอย่างดี คงมีการจัดประชุมขึ้นที่บ้าน ทิโมธีซึ่งโตขึ้นในบ้านก็คงได้นั่งฟังเปาโลเทศน์ เมื่อมีการเรียกให้ถวายตัวต่อพระเยซู ทิโมธีต้องเป็นคนหนึ่งที่รับเชื่อ เปาโลถึงได้เรียกทิโมธีว่า “ลูกที่รัก” ซึ่งหมายถึงลูกฝ่ายวิญญาณ ผมเองโตขึ้นในบ้านคริสเตียนที่มีคุณแม่รักพระเจ้า ท่านต้อนรับนักเทศน์ซึ่งลงไปที่เมืองนคร ไม่ขาด ทุกครั้งที่มีนักเทศน์มาพักที่บ้าน กลางคืนคุณแม่จะจัดให้มีการประชุม ผมจึงได้ฟังนักเทศน์เหล่านี้ เทศนา และเป็นพยานเสมอมา นับเป็นกำไรแท้ๆ ทิโมธี เป็นอนุชน เติบโตขึ้นที่คริสตจักรนี้ มีชื่อเสียงดี เพราะเป็นคนมีน้ำใจช่วยเหลือพี่น้อง ภายหลังเมื่อเปาโลเดินทางเป็นมิชชั่นนารี มาถึงเมืองนี้ ท่านจึงขอรับทิโมธีออกไปร่วมประกาศด้วย (กิจการ 16:1-5) คงมีการวางมือ และกล่าวเผยพระวจนะ พูดถึงการที่พระเจ้าจะให้ทิโมธี เด็กหนุ่มคนนี้อย่างไร
วันนี้ ผมจึงขอฉวยโอกาส นำข้อความในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงทิโมธี บ่งว่าท่านต้องการให้ทิโมธี เป็นอนุชนที่ดีอย่างไร

มีวินัย
หมายถึงการรู้จักบังคับตนเอง
เป็นที่รู้กันดีว่า ธรรมชาติของเด็ก คือชอบทำอะไรตามอารมณ์ ทำสิ่งที่ตนชอบ กินสิ่งที่ตนอยาก การมีอารมณ์ในเรื่องต่างๆ ไม่แปลกอะไร แต่การยอมให้อารมณ์เป็นตัวชี้นำ แทนที่จะใช้เหตุผลอันดีนำ จะพาเราเสียหาย เช่น การกินตามปาก จะทำให้เราอ้วนได้ง่าย ถ้าจะให้เด็กเลือกระหว่างกินไอสครีม กับกินข้าว เด็กก็เลือกไอสครีม ถ้าจะให้เลือกระหว่างอ่านพระคัมภีร์กับเล่นเกมส์ เด็กก็เลือกเกมส์ ถ้าจะให้เลือกระหว่างดูตำรากับไปเที่ยว เด็กก็ไปเที่ยวทั้งวัน ค่อยกลับมาดูตำราแค่ชั่วโมงเดียว มีมู้ดเด็กก็มาโบสถ์ ไม่มีมู้ดแกก็พักนอนเอกเขนก อยู่ที่บ้าน ปล่อยตัวตามอำเภอใจ ไม่นานก็ติดเป็นนิสัย คนจีนสอนว่า “ฝึกขี้เกียจ ฝึกสามวัน ฝึกขยัน ฝึกสามปี” ถ้าจะฝึกให้พระเจ้าใช้การเราได้ เราก็ต้องบังคับตีสอนตนเองให้เป็นนิสัย กษัตริย์ซาโลมอน กล่าวว่า “จงยึดวินัยไว้ และอย่าปล่อยไป จงระแวดระวังเธอไว้ เพราะเธอเป็นชีวิตของเจ้า” (สุภาษิต 4:13) ฟังดูเหมือน “วินัย” จะเป็นอะไรที่ติดตัวเรา ราวกับ “มือถือ” แท้จริงมี “วินัย”ติดตัว ปลอดภัยยิ่งกว่าสมาร์ทโฟนเสียอีก ถ้าเด็กโตขึ้น มีวินัย ในการกิน การนอน ในการอ่านพระคัมภีร์ส่วนตัว ในการเข้าเฝ้า ฟังพระสุรเสียง ในการมาโบสถ์ ในการเรียนพระคัมภีร์ ในการประหยัด ในการคิดก่อนพูด ในการออกกำลังกาย ในการทำงานอย่างขยันขันแข็ง ต่อสู้ไม่ยอมแพ้ ในการเตรียมตัวล่วงหน้า ฯลฯ รับรองว่า วินัยจะช่วยชีวิตของเราแน่ แม้เราตกน้ำ ก็จะไม่ไหล ตกไฟ ก็จะไม่ไหม้

2. ใจกล้าหาญ
ทิโมธีเป็นคนขี้อาย ขี้ขลาด เปาโลจึงเตือนว่า “พระเจ้ามิทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว …อย่าอายที่จะเป็นพยานฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (2 ทิโมธี 1:7-8) ว่ากันตามความจริง วัยรุ่นมีความกล้าหาญอยู่ในตัว ผมเคยผ่านถนนศรีนครินทร์ยามดึก มีรถมอร์ไซค์ ฝูงใหญ่ขับแข่งกัน น่ากลัวมาก เขากล้าหาญทีเดียว ถ้าเป็นคนสูงอายุ ก็คงต้องคิดหน้าคิดหลัง ที่จะขับรถเร็วอย่างบ้าบิ่นปานนั้น แต่หนุ่มๆเหล่านี้ไม่กลัว ผมเคยไปพักโรงแรมที่กำแพงเพชร กลางคืนหนุ่มสาวมาแต่ไหนไม่ทราบ นับร้อย ทั้งสวยทั้งหล่อ แต่งตัวชะเวิ้บชะว้าบ พากันมาดิ้นและดริ้งในผับ ใกล้โรงแรมที่ผมไปพัก แต่พอจะแสดงตัวว่าเชื่อพระเจ้า ความขลาดกลัวก็เข้ามาครอบงำ เราควรกล้าหาญ ในสิ่งที่ควรกล้า ตอนผมเป็นเด็ก ผมอายที่จะแจกใบปลิว อายที่จะก้มลงอธิษฐานก่อนกินข้าว ต่อหน้าเพื่อน เมื่อตอนเรียนในมหาวิทยาลัย เพื่อนๆเคยพากันไปกินอาหาร เขาเสริฟเหล้า คราวนี้ผมกล้าขึ้น ผมปฏิเสธ พร้อมเป็นแกะดำตัวเดียวในฝูง พระเจ้าประทานใจกล้าให้ ถ้าเราพร้อมยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อพระองค์ เปาโลยังหนุนใจให้ทิโมธีกล้าใช้ความสามารถที่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้ ถ้าเราร้องเพลงเพราะ วาดเขียนเก่ง แสดงละครได้ ฯลฯ เราควรกล้าหาญใช้ความสามารถเหล่านี้เพื่อพระเจ้า

3. อธิษฐานเสมอ
นิสัยพึ่งพระเจ้า ในทุกๆ เรื่อง เป็นการบ่งชี้ว่า พระเจ้าทรงเป็นใหญ่เหนือชีวิตของเรา นี่คือสิ่งที่เด็กๆทุกวันนี้ขาด เราเก่งกิจกรรม เก่งทำโน่นทำนี่ แต่พอคิดถึงความลึกในพระเจ้า การนั่งสงบกับพระองค์ เราเป็นเหมือนมารธา มากกว่าเป็นมารีย์ ที่พระเยซูตรัสกับเธอว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวาย และร้อนใจด้วยหลายสิ่งนัก สิ่งที่ต้องการนั้นมีแต่สิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้” ( ลูกา 10:41-42)
เปาโล บอกทิโมธีว่า “พระเจ้าทรงกอปรด้วยฤทธิ์ และความรัก” เมื่อเราอธิษฐานเสมอ ก็เหมือนกับการเอาเครื่องไฟฟ้า เช่น พัดลม โคมไฟ ไปเสียบเข้ากับแหล่งกำเหนิดไฟฟ้า กระแสไฟก็จะไหลเข้ามาในเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ ทำให้เราได้ลมย็นๆ หรือแสงสว่าง เรามีพลังในการรับใช้ ในการต่อสู้การทดลอง ความรักของพระเจ้าหลั่งไหล เข้าสู่จิตใจของเราทางพระวิญญาณ ทำให้เรารักคนที่ไม่น่ารักได้ ทำให้เรายกโทษคนที่เคยทำผิดกับเราได้โดยง่าย กิ่งเกิดผลเองไม่ได้เว้นแต่ติดกับต้นฉันใด เราเกิดผล ได้งาน ขึ้นกับการใกล้ชิดพระเจ้าฉันนั้น

4. รักเลอล้ำคำสอน
สมัยของทิโมธี มี “ชั่ว และคนเจ้าเล่ห์ ล่อลวงคนอื่น และถูกคนอื่นล่อลวง” เปาโลสอนทิโมธีให้ดำเนินตามสิ่งที่เรียนรู้แล้ว และเชื่ออย่างมั่นคง ที่เขาได้เรียนมาจาก คุณแม่และคุณยายที่รักพระเจ้า ตั้งแต่เป็นเด็กมา คือพระคัมภีร์นั่นเอง ทุกวันนี้มีคำสอนแปลกๆ ปรัชญาแปลกๆ ที่ไม่อยู่ในหลักของพระคัมภีร์ แพร่สะพัด แชร์กันในเฟรชบุ๊ค ส่งให้อ่านกันตามไลน์ ไม่แพ้ยุคของทิโมธี จำเป็นอย่างยิ่งที่อนุชนทุกวันนี้ จะต้องแยกให้ออก และยึดมั่นอยู่ในหลักคำสอน ที่สามารถสร้างชีวิตอันแข็งแกร่งแก่เราได้ เราต้องเห็นความพิเศษของพระวจนะ เพราะนี่คือ ถ้อยคำที่มาแต่การดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่ความคิดของมนุษย์ “ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านได้เรียนรู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถสอนท่านให้ถึงความรอดได้” เรารักพระคำ เพราะเรารักพระเยซู ผู้ประทานพระวจนะให้เรา ความรักทำให้เราอยากอ่าน อยากรู้ อยากใคร่ครวญ และนำมาปฏิบัติตาม จริงไหมครับ

ครับ ขอพระเจ้าอวยพระพร ให้เด็กๆทั้งหลายมีความสุข เป็นเด็กดีอย่างทิโมธี “มีวินัย ใจกล้าหาญ อธิษฐานเสมอ รักเลอล้ำคำสอน

เป็นเด็กดีเด่น เช่น ทิโมธี
ศบ.
วันนี้ คริสตจักรจัดเป็น “วันเยาวชนของคริสตจักร”
ผมขอฝากคำขวัญสำหรับเด็กๆทั้งหลาย ดังนี้ “มีวินัย ใจกล้าหาญ อธิษฐานเสมอ รักเลอล้ำคำสอน” คำขวัญนี้นำมาจากถ้อยคำที่เปาโลเตือนทิโมธี ใน 2 ทิโมธี 1:6-7


“อันชองประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในท่าน โดยที่ข้าพเจ้าเอามือวางบนท่านนั้น ขอเตือนว่า ท่านจงกระทำให้รุ่งเรืองขึ้น เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังตับตนเองให้แก่เรา”

ทิโมธีเป็นอนุชน อ่อนวัย ขี้โรค และขี้อาย มีพ่อเป็นคนกรีก เข้าใจว่าไม่เป็นคริสเตียน มีแม่เป็นยิว ชื่อนางยูนิส เป็นคริสเตียนรักพระเจ้า ยายที่ชื่อโลอิสก็รักพระเจ้าเช่นกัน ยายและแม่ ต่างมีอิทธิพลต่อทิโมธีตั้งแต่เด็ก นางยูนิสตั้งชื่อลูกเป็นภาษากรีกว่า “ทิโมธี” แปลว่า รักพระเจ้า คงเป็นเพราะอยากให้ลูกเป็นคริสเตียนรักพระเจ้า เมื่อตอนที่เปาโลมาประกาศที่เมืองลุทรา ครั้งแรกนั้น นางยูนิส ต้อนรับเปาโลอย่างดี คงมีการจัดประชุมขึ้นที่บ้าน ทิโมธีซึ่งโตขึ้นในบ้านก็คงได้นั่งฟังเปาโลเทศน์ เมื่อมีการเรียกให้ถวายตัวต่อพระเยซู ทิโมธีต้องเป็นคนหนึ่งที่รับเชื่อ เปาโลถึงได้เรียกทิโมธีว่า “ลูกที่รัก” ซึ่งหมายถึงลูกฝ่ายวิญญาณ ผมเองโตขึ้นในบ้านคริสเตียนที่มีคุณแม่รักพระเจ้า ท่านต้อนรับนักเทศน์ซึ่งลงไปที่เมืองนคร ไม่ขาด ทุกครั้งที่มีนักเทศน์มาพักที่บ้าน กลางคืนคุณแม่จะจัดให้มีการประชุม ผมจึงได้ฟังนักเทศน์เหล่านี้ เทศนา และเป็นพยานเสมอมา นับเป็นกำไรแท้ๆ ทิโมธี เป็นอนุชน เติบโตขึ้นที่คริสตจักรนี้ มีชื่อเสียงดี เพราะเป็นคนมีน้ำใจช่วยเหลือพี่น้อง ภายหลังเมื่อเปาโลเดินทางเป็นมิชชั่นนารี มาถึงเมืองนี้ ท่านจึงขอรับทิโมธีออกไปร่วมประกาศด้วย (กิจการ 16:1-5) คงมีการวางมือ และกล่าวเผยพระวจนะ พูดถึงการที่พระเจ้าจะให้ทิโมธี เด็กหนุ่มคนนี้อย่างไร
วันนี้ ผมจึงขอฉวยโอกาส นำข้อความในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงทิโมธี บ่งว่าท่านต้องการให้ทิโมธี เป็นอนุชนที่ดีอย่างไร

มีวินัย
หมายถึงการรู้จักบังคับตนเอง
เป็นที่รู้กันดีว่า ธรรมชาติของเด็ก คือชอบทำอะไรตามอารมณ์ ทำสิ่งที่ตนชอบ กินสิ่งที่ตนอยาก การมีอารมณ์ในเรื่องต่างๆ ไม่แปลกอะไร แต่การยอมให้อารมณ์เป็นตัวชี้นำ แทนที่จะใช้เหตุผลอันดีนำ จะพาเราเสียหาย เช่น การกินตามปาก จะทำให้เราอ้วนได้ง่าย ถ้าจะให้เด็กเลือกระหว่างกินไอสครีม กับกินข้าว เด็กก็เลือกไอสครีม ถ้าจะให้เลือกระหว่างอ่านพระคัมภีร์กับเล่นเกมส์ เด็กก็เลือกเกมส์ ถ้าจะให้เลือกระหว่างดูตำรากับไปเที่ยว เด็กก็ไปเที่ยวทั้งวัน ค่อยกลับมาดูตำราแค่ชั่วโมงเดียว มีมู้ดเด็กก็มาโบสถ์ ไม่มีมู้ดแกก็พักนอนเอกเขนก อยู่ที่บ้าน ปล่อยตัวตามอำเภอใจ ไม่นานก็ติดเป็นนิสัย คนจีนสอนว่า “ฝึกขี้เกียจ ฝึกสามวัน ฝึกขยัน ฝึกสามปี” ถ้าจะฝึกให้พระเจ้าใช้การเราได้ เราก็ต้องบังคับตีสอนตนเองให้เป็นนิสัย กษัตริย์ซาโลมอน กล่าวว่า “จงยึดวินัยไว้ และอย่าปล่อยไป จงระแวดระวังเธอไว้ เพราะเธอเป็นชีวิตของเจ้า” (สุภาษิต 4:13) ฟังดูเหมือน “วินัย” จะเป็นอะไรที่ติดตัวเรา ราวกับ “มือถือ” แท้จริงมี “วินัย”ติดตัว ปลอดภัยยิ่งกว่าสมาร์ทโฟนเสียอีก ถ้าเด็กโตขึ้น มีวินัย ในการกิน การนอน ในการอ่านพระคัมภีร์ส่วนตัว ในการเข้าเฝ้า ฟังพระสุรเสียง ในการมาโบสถ์ ในการเรียนพระคัมภีร์ ในการประหยัด ในการคิดก่อนพูด ในการออกกำลังกาย ในการทำงานอย่างขยันขันแข็ง ต่อสู้ไม่ยอมแพ้ ในการเตรียมตัวล่วงหน้า ฯลฯ รับรองว่า วินัยจะช่วยชีวิตของเราแน่ แม้เราตกน้ำ ก็จะไม่ไหล ตกไฟ ก็จะไม่ไหม้

2. ใจกล้าหาญ
ทิโมธีเป็นคนขี้อาย ขี้ขลาด เปาโลจึงเตือนว่า “พระเจ้ามิทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว …อย่าอายที่จะเป็นพยานฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (2 ทิโมธี 1:7-8) ว่ากันตามความจริง วัยรุ่นมีความกล้าหาญอยู่ในตัว ผมเคยผ่านถนนศรีนครินทร์ยามดึก มีรถมอร์ไซค์ ฝูงใหญ่ขับแข่งกัน น่ากลัวมาก เขากล้าหาญทีเดียว ถ้าเป็นคนสูงอายุ ก็คงต้องคิดหน้าคิดหลัง ที่จะขับรถเร็วอย่างบ้าบิ่นปานนั้น แต่หนุ่มๆเหล่านี้ไม่กลัว ผมเคยไปพักโรงแรมที่กำแพงเพชร กลางคืนหนุ่มสาวมาแต่ไหนไม่ทราบ นับร้อย ทั้งสวยทั้งหล่อ แต่งตัวชะเวิ้บชะว้าบ พากันมาดิ้นและดริ้งในผับ ใกล้โรงแรมที่ผมไปพัก แต่พอจะแสดงตัวว่าเชื่อพระเจ้า ความขลาดกลัวก็เข้ามาครอบงำ เราควรกล้าหาญ ในสิ่งที่ควรกล้า ตอนผมเป็นเด็ก ผมอายที่จะแจกใบปลิว อายที่จะก้มลงอธิษฐานก่อนกินข้าว ต่อหน้าเพื่อน เมื่อตอนเรียนในมหาวิทยาลัย เพื่อนๆเคยพากันไปกินอาหาร เขาเสริฟเหล้า คราวนี้ผมกล้าขึ้น ผมปฏิเสธ พร้อมเป็นแกะดำตัวเดียวในฝูง พระเจ้าประทานใจกล้าให้ ถ้าเราพร้อมยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อพระองค์ เปาโลยังหนุนใจให้ทิโมธีกล้าใช้ความสามารถที่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้ ถ้าเราร้องเพลงเพราะ วาดเขียนเก่ง แสดงละครได้ ฯลฯ เราควรกล้าหาญใช้ความสามารถเหล่านี้เพื่อพระเจ้า

3. อธิษฐานเสมอ
นิสัยพึ่งพระเจ้า ในทุกๆ เรื่อง เป็นการบ่งชี้ว่า พระเจ้าทรงเป็นใหญ่เหนือชีวิตของเรา นี่คือสิ่งที่เด็กๆทุกวันนี้ขาด เราเก่งกิจกรรม เก่งทำโน่นทำนี่ แต่พอคิดถึงความลึกในพระเจ้า การนั่งสงบกับพระองค์ เราเป็นเหมือนมารธา มากกว่าเป็นมารีย์ ที่พระเยซูตรัสกับเธอว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวาย และร้อนใจด้วยหลายสิ่งนัก สิ่งที่ต้องการนั้นมีแต่สิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้” ( ลูกา 10:41-42)
เปาโล บอกทิโมธีว่า “พระเจ้าทรงกอปรด้วยฤทธิ์ และความรัก” เมื่อเราอธิษฐานเสมอ ก็เหมือนกับการเอาเครื่องไฟฟ้า เช่น พัดลม โคมไฟ ไปเสียบเข้ากับแหล่งกำเหนิดไฟฟ้า กระแสไฟก็จะไหลเข้ามาในเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ ทำให้เราได้ลมย็นๆ หรือแสงสว่าง เรามีพลังในการรับใช้ ในการต่อสู้การทดลอง ความรักของพระเจ้าหลั่งไหล เข้าสู่จิตใจของเราทางพระวิญญาณ ทำให้เรารักคนที่ไม่น่ารักได้ ทำให้เรายกโทษคนที่เคยทำผิดกับเราได้โดยง่าย กิ่งเกิดผลเองไม่ได้เว้นแต่ติดกับต้นฉันใด เราเกิดผล ได้งาน ขึ้นกับการใกล้ชิดพระเจ้าฉันนั้น

4. รักเลอล้ำคำสอน
สมัยของทิโมธี มี “ชั่ว และคนเจ้าเล่ห์ ล่อลวงคนอื่น และถูกคนอื่นล่อลวง” เปาโลสอนทิโมธีให้ดำเนินตามสิ่งที่เรียนรู้แล้ว และเชื่ออย่างมั่นคง ที่เขาได้เรียนมาจาก คุณแม่และคุณยายที่รักพระเจ้า ตั้งแต่เป็นเด็กมา คือพระคัมภีร์นั่นเอง ทุกวันนี้มีคำสอนแปลกๆ ปรัชญาแปลกๆ ที่ไม่อยู่ในหลักของพระคัมภีร์ แพร่สะพัด แชร์กันในเฟรชบุ๊ค ส่งให้อ่านกันตามไลน์ ไม่แพ้ยุคของทิโมธี จำเป็นอย่างยิ่งที่อนุชนทุกวันนี้ จะต้องแยกให้ออก และยึดมั่นอยู่ในหลักคำสอน ที่สามารถสร้างชีวิตอันแข็งแกร่งแก่เราได้ เราต้องเห็นความพิเศษของพระวจนะ เพราะนี่คือ ถ้อยคำที่มาแต่การดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่ความคิดของมนุษย์ “ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านได้เรียนรู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถสอนท่านให้ถึงความรอดได้” เรารักพระคำ เพราะเรารักพระเยซู ผู้ประทานพระวจนะให้เรา ความรักทำให้เราอยากอ่าน อยากรู้ อยากใคร่ครวญ และนำมาปฏิบัติตาม จริงไหมครับ

ครับ ขอพระเจ้าอวยพระพร ให้เด็กๆทั้งหลายมีความสุข เป็นเด็กดีอย่างทิโมธี “มีวินัย ใจกล้าหาญ อธิษฐานเสมอ รักเลอล้ำคำสอน



Visitor 187

 อ่านบทความย้อนหลัง