ชีวิตสมกับ ข่าวประเสริฐ

ศบ.

 

      ฟิลิปปี 1:27 “ขอแต่เพียงให้ท่านดำเนินชีวิต  ให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์”

 

           อาจารย์เปาโลพูดถึงเรื่องนี้กับพี่น้องที่เอเฟซัสว่า 

 

           “ขอวิงวอนท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับพันธกิจอันเนื่องจากการทรงเรียกท่านนั้น” (อฟ 4:1)  

 

            เปาโลตระหนักว่า  ความรอดที่เราได้รับ โดยพระเยซูพระบุตรเสด็จเข้ามา  วายพระชนม์ที่ไม้กางเขน  เพื่อไถ่โทษเราทั้งหลายนั้น  เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก  แม้เราตายไปแล้วในการบาป  พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณาคุณ  ยังนำให้เรากลับมามีชีวิตอีก  โดยพระเยซู (เอเฟซัส 2:4-9) โดยพระคุณ   พระเจ้าทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นพันธกรแห่งข่าวประเสริฐ (เอเฟซัส 3:7) 

 

            พระเยซูทุ่มเทลงทุนให้อย่างมหันต์ขนาดนี้เพื่อเราจะรอดโดยข่าวประเสริฐ  สมควรอย่างยิ่งที่เราผู้รอดโดยพระคุณ จะใช้ชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐ ไม่เพียงแต่ตอบแทนพระกรุณาคุณเท่านั้น แต่เพื่อให้คนทั้งหลายภายนอก ที่รู้ข่าวประเสริฐ จะศรัทธาในพระองค์โดยง่าย

 

       ดำเนินชีวิตอย่างไร  สมกับข่าวประเสริฐ

 

           1. รักกัน  เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  

 

     แต่เดิมยิวกับต่างชาติ เข้ากันไม่ได้เลย เหมือนขมิ้นกับปูน 

 

เหมือนน้ำกับน้ำมัน  ยิวดูถูกคนต่างชาติ คนต่างชาติ ก็ไม่ชอบขี้หน้าเหมือนกัน แต่โดยข่าวประเสริฐของพระเยซู  พระองค์ทรงไถ่โทษผู้เชื่อที่ไม้กางเขน  เรารอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ  ยิวและคนต่างชาติเข้ามาเป็นพี่น้องกัน กอดคอกัน กินข้าวหม้อเดียวกันได้  เปาโลบอกว่าเขา “เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  ต่อสู้เหมือนอย่างคนคนเดียวโดยความเชื่อ”  ในคริสตจักร  เรามาจากร้อยพ่อพันแม่  บางคนจบปริญญาตรี ปริญญาเอก บางคนจบป. 4 บางคนอ่านหนังสือไม่ออก  บางคนมีเงินล้าน บางคนแทบไม่มีกิน  บางคนเกิดในบ้านที่พ่อแม่พูดค่ะ ขา คุณ เธอ  บางคนโตในบ้านที่ใช้สรรพนาม เรียกมึงเรียกกูเป็นเรื่องสามัญ  ครั้นเราเชื่อพระเยซู  เราเข้ามาอยู่ในสังคมเดียวกัน ในพระกายอันดียวกัน  ถ้าเราแบ่งชั้นวรรณะ แยกพวกแยกพ้อง  มันจะไปต่างอะไรกับสังคมภายนอก  ตรงกันข้าม หากเรารักกันฉันท์พี่น้อง  ช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน  คนก็จะแลเห็นพระเจ้า  พระเยซูตรัสว่า  คนรู้ว่าเราเป็นสาวกพระองค์  ก็เพราะเรารักกัน (ยอห์น 13:34-35)

 

            2.กล้าหาญ   

เปาโลกล่าวว่า  “ท่านไม่กลัวผู้ขัดขวางแต่ประการใดเลย” (ฟป 1:28)

 

ในสมัยนั้น ผู้คนอยู่ภายใต้การปกครองของโรม จักรพรรดิซีซาร์ของโรมก็ข่มเหงผู้เชื่อเอาชีวิต  ส่วนผู้ถือศาสนายิวก็ต่อต้านคนที่เขามาเป็นคริสเตียน ใครเชื่อถือข่าวประเสริฐพวกยิวก็เอาเข่นฆ่าเขา  

 

          เปาโลเอง ในอดีตชื่อเซาโล  ก็เคยต่อต้านผู้เชื่อทั้งหลาย ท่านเคยมีส่วนฆ่าสเตเฟนโดยการเอาก้อนหินขว้างถึงตาย         (กิจการ8:1)  แต่สเตเฟนไม่กลัว  ไม่สะทกสะท้าน  ผมจะบอกให้   ความกล้าหาญของสเตเฟนมันแทงใจเซาโล  เซาโลคิดว่าตนเองถูก พวกคริสเตียนที่เชื่อข่าวประเสริฐผิดมาโดยตลอด  ขณะเดินทางไปตามล่าคริสเตียนต่อที่


                            

 

    ดามัสกัส  เปาโลเริ่มปั่นป่วนในจิตใจ  “หรือเราผิด สเตเฟนถูก   เราเองยังขี้ขลาด  ทำไมพวกนี้กล้าหาญเยี่ยงสิงห์  หรือพระเยซูเป็นพระเจ้าจริง และฟาริสีอย่างตนเข้าใจผิด มันยังไงกันแน่” ก็ในช่วงนั้นเองที่พระเยซูปรากฏพระองค์ เรียกท่าน  และท่านก็ยอมจำนน(กิจการ 9:1-9) 

 

          ความกล้าหาญของผู้เชื่อ  อย่างสเตเฟนมีอิทธิพลกับคนที่ต่อต้านข่าวประเสริฐ   ชีวิตคริสเตียนที่ขี้ขลาดไม่กินใจใคร  ไม่ดึงดูดใครมาเชื่อพระเยซู  ภรรยาที่แต่งงานกับสามีที่ไม่เชื่อ  และกลัวการมาโบสถ์  แอบอ่านพระคัมภีร์  ไม่กล้าลั่นปากว่าตนเป็นคริสเตียน เพราะรู้ว่าสามีไม่ชอบ มิได้ดำเนินชีวิตสมกับข่าวประเสริฐ  เธอคิดว่าไม่อยากมีเรื่อง  แถมยังคิดว่าโดยวิธีนี้จะนำสามีจะมาเชื่อพระเยซู  เธอรู้หรือไม่ว่าลึกๆในใจสามีเขาคิดอย่างไร   ผมจะบอกให้  เขาคิดว่า “พระเยซูก็คือศาสดาของอีกศาสนาหนึ่ง  ไม่ใช่พระเจ้า มิใช่พระผู้ช่วยให้รอด  ภรรยากับเขาก็ไม่ต่างกัน  พระเจ้าไม่มี เรื่องพระเจ้าไม่จริงจังอะไร  ข่าวประเสริฐเป็นพียงเรื่องที่แต่งขึ้น  ยังไม่เห็นว่าภรรยาจะจริงจังอะไร”  เพราะเขาไม่เห็นว่าเธอมีอะไรพิเศษ  ก็จบเห่กันแค่นั้น  

 

         ผมเห็นตัวอย่างเรื่องเหล่านี้มาเยอะ  ตรงกันข้าม หากภรรยาลุกขึ้น  ยืนหยัดในความเชื่อ  กล้าหาญ  สามีที่ขัดแย้งจะทึ่ง  แล้วที่สุดเขาจะกลับมาสนใจข่าวประเสริฐ  เปาโลกล่าวว่า  “เมื่อเป็นเช่นนี้  ก็ประจักษ์แก่พวกเขาว่า พวกเขาจะมาถึงซึ่งความพินาศ  และพวกท่านก็คงจะมาถึงซึ่งความรอด และการนั้นมาจากพระเจ้า” (ฟป 1:28) คนขี้ขลาดไม่เคยนำใครมาเชื่อข่าวประเสริฐ  สาวกพระเยซูที่พลิกแผ่นดินโรมันยุคนั้นได้  ก็เพราะยืนหยัดในพระกิตติคุณตราบเท่าวันตายทั้งสิ้น

 

มีชีวิตที่แตกต่าง

เอเฟซัส 4:17 “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  อย่าประพฤติตามอย่างคนต่างชาติที่เขาประพฤติกันนั้น  คือมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งไร้สาระ โดยที่ความคิดของเขามืดมนไป  และเขาอยู่ห่างจากชีวิตซึ่งมาจากพระเจ้า”  คนที่เชื่อข่าวประเสริฐ มาเป็นคริสเตียนจะบังเกิดใหม่  ชีวิตเปลี่ยน  แต่เดิมเคยกินเหล้า เมายา  ซื้อหวย  เล่นการพนัน เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น  เที่ยวคลับ บาร์  เล่นม้า บ้ารำวง  เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง  เมื่อเชื่อพระเยซูเมื่อเขาบังเกิดใหม่  เขารักพระเจ้า  เขาสุขใจเพราะทำสิ่งที่พอพระทัย  เลิกเหล้า เลิกยา เลิกโกง ทำมาหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักบ้าน  รักครอบครัว  ชีวิตอย่างนี้ที่เปาโลกล่าว่า“สมกับข่าวประเสริฐ”  ชีวิตอย่างนี้ที่สร้างความ


                  

 

ประหลาดใจให้คน 

 

    ตรงกันข้าม  ถ้าเราเหมือนเขา  ใครเขาจะแลเห็นข่าวประเสริฐ หลายปีมาแล้ว  ผมเคยไปเยี่ยมโรงงานแห่งหนึ่ง     มีคนงานทั้งที่เป็นทั้งคริสเตียนและไม่เป็นคริสเตียน  ผมถามคริสเตียนคนหนึ่งว่า  ทำไมไม่ชักชวนเพื่อนๆ ที่ไม่เป็นคริสเตียน มาหาพระเจ้า  เขาบอกผมว่า  ที่นี่ทำไม่ได้หรอก  เพราะพนักงานผู้มีชื่อว่าเป็นคริสเตียนที่นี่  เล่นหวย  กินเหล้า เหมือนๆ กับคนอื่นๆ  พนักงานในโรงงานนั้นจึงคิดว่า “คริสเตียนไม่ต่างจากเขา ไม่มีฤทธิ์พลังใดๆ” ชีวิตที่แตกต่างเท่านั้น มีอำนาจเปลี่ยนใจคนได้  เชื่อไหมละครับ

 

4. ชื่นชมยินดี

 

“เพื่อให้ท่านจำเริญขึ้นและชื่นชมยินดีในความเชื่อ” ( ฟิลิปปี 1:25)  ผู้รับความรอดโดยข่าวประเสริฐของพระเยซู  มีชีวิตใหม่ มีความจึงมีจิตใจร่าเริงยินดี  พระเยซูตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า  “อย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้  คือพวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน  แต่จงเปรมปรีด์  เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์” ( ลูกา 10:20)  ความชื่นชมยินดีเพราะได้นั่นมา นี่มาเป็นความยินดีฉาบฉวย  แม้ความสำความสำเร็จในงานรับใช้  วันนี้ขับผีออกก็ยินดี  อีกวันขับไม่ออก ก็หดหู่  มีคนให้ของขวัญก็ดีใจ  พอไม่มีใครใส่ใจก็เศร้าหมอง ยินดีอย่างนี้เหมือนน้ำขึ้นน้ำลง  เหมือนคลื่นในทะเล ผันแปรไปมา  

 

    แต่ความยินดีเพราะความรอด  เพราะข่าวประเสริฐ ใครชิงไปไม่ได้  

 

    สุขใจทุกวัน นี่คือความยินดีถาวร  เปาโลเองขณะเขียนจดหมายฉบับนี้  ท่านติดคุกอยู่ที่กรุงโรม  อยู่ในพันธนาการ  ไม่มีอิสระ ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้  แต่ท่านมีความสุขร่าเริงทุกวัน  คนอยู่นอกคุกเป็นร้อยเป็นพันไปไหนๆก็ได้ตามใจชอบ  แต่เศร้าหมอง ว้าวุ่น ไม่สงบ ตึงเครียด  น้ำตาเช็ดหัวเข่า  แล้วอย่างนี้ใครละ  จะไม่สนใจข่าวประเสริฐ  

 

 เพราะข่าวประเสริฐเปลี่ยนแปลงชีวิตคนจากข้างใน  นี่เป็นเหตุที่เปาโลกล่าวว่า “การทั้งปวงที่อุบัติขึ้นกับข้าพเจ้านั้น  ได้กลับเป็นเหตุให้ข่าวประเสริฐเผยแพร่กว้างออกไป  จนประจักษ์ทั่วกันในหมู่ผู้คุมและคนอื่นๆว่า การที่ข้าพเจ้าถูกจำจองนั้นก็เพื่อพระคริสต์  และพี่น้องส่วนมากได้เกิดความไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขามีใจกล้าขึ้นที่จะกล่าวพระวจนะของพระเจ้า โดยปราศจากความกลัว” (ฟป 1:12-14)  ไม่มีใครอยากมาเชื่อศาสนาที่  ผู้เชื่อที่หน้าตาหม่นหมอง อมทุกข์   ห่อเหี่ยวเหมือนคนไร้ความหวัง  คนพบพระเจ้าจริง ไม่เศร้า เขาจะสุขใจ  ไม่คิดถึงตัวเอง  แต่ชื่นชมพระเจ้า  และมีความสุขกับการช่วยเหลือคนอื่น  อย่างนี้ถึงจะเรียกว่ามีชีวิตสมกับข่าวประเสริฐ

 

 สังคมผู้เชื่อที่เป็นสังคมที่ใช้ชีวิต “สมกับข่าวประสริฐ”  พี่น้องในคริสตจักรย่อมรักกัน  ไม่ถือเขาถือเรา  รักพี่น้องทุกคนไม่ว่าเขาป็นใคร  เป็นสังคมของคนกล้าหาญที่พร้อม  ประกาศพระนามพระองค์  ขณะที่อยู่ท่ามกลางผู้คน เขาจะเป็นเกลือแห่งแผ่นดินโลก  เลิกบาป ใช้ชีวิตในศีลธรรมเพราะรักพระเยซู  และเป็นสังคมแห่งความเบิกบาน  มีเสียง เพลงออกจากใจ  อย่างนี้ใครจะไม่อยากเข้ามา  ขอให้เราเป็นเช่นนี้    คือมีชีวิตสมกับข่าวประเสริฐ 

 

ขอพระเจ้าอวยพร       

 


                      



Visitor 135

 อ่านบทความย้อนหลัง