รักหรือใคร่กันแน่

ศบ.

 

วันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงวันอาทิตย์พอดี  เมื่อคืนฟังนายกรัฐมนตรี รายงานเรื่องความคืบหน้าบ้านเมือง  ตอนท้ายท่านแถมท้ายว่า “กำลังจะถึง วันวาเลนไทน์ ขอให้คนหนุ่มสาวระมัดระวัง อย่าไปใช้ชีวิตเลยเถิดตามต่างชาติ” ความจริง วันวาเลนไทน์  ถูกเรียกว่าวันแห่งความรัก  มีประวัติ ความรักที่เสียสละ ไม่ได้เป็นรักที่หนุ่มสาวหลายคนเข้าใจเลย  

 

           วันนี้ผมจึงขอเขียนเรื่อง “รักหรือใคร่กันแน่” โดยยกเรื่องของ

อัมโนน กับทามาร์ ที่บันทึกในพระคัมภีร์มาเล่าให้ฟัง 

 

           ดาวิดมีมเหสี หลายคน  มเหสีคนของกษัตริย์ดาวิด ชื่อ อาหิโนอัม   ชาวยิสเรเอล  เธอประสูติโอรสให้ดาวิด คนหนึ่งชื่อ อัมโนน ( 2 ซามูเอล 3:2)  มเหสีอีกคนหนึ่งของดาวิด ชื่อนางมาอาคาห์  เป็นธิดาของทัลมัย กษัตริย์เมืองเกชูร์   นางมีโอรสชื่อ อับซาโลม (2 ซามูเอล 3:3) และธิดาคนหนึ่งชื่อทามาร์  ทามาร์เป็นหญิงสาวสวย  หน้าตาดี ( 2 ซามูเอล 13:1)  

 

           ความจริงดาวิดมีมเหสีอีกหลายคน  ประสูติโอรสธิดามากมาย  อยากทราบรายชื่อมเหสีเหล่านี้ก็ให้ไปอ่าน 2 ซามูเอล 3:2-5  บางคนลงความเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ผิด  ถือเป็นวัฒนธรรมของคนยุคนั้น  ผมไม่เห็นด้วย เพราะหลักของพระเจ้าเรื่อง ผัวเดียวเมียเดียว  ยุคไหนก็เหมือนกัน โมเสส ก่อนหน้ายุคดาวิด มีชีวิตเป็นแบบอย่าง ทั้งสอนผู้ที่เป็นกษัตริย์เรื่องนี้ด้วย (เฉลยธรรมบัญญัติ 17:17)  พระคัมภีร์บันทึกเรื่องทั้งดีและไม่ดีของ เรื่องดีให้ทำตาม เรื่องไม่ดีอย่าได้เอาอย่าง (1 โครินธ์ 10:16) การมีภรรยาหลายคน  ก่อความยุ่งยากแน่

         

เรามีสุขเหลือเมื่อให้           สัจจา

คิด คด ปด มุสา                  ปวดเกล้า

กินอยู่คู่ภริยา               สุขสงบ  

แอบมีน้อยคอยพะเน้า          เจ็บร้าวเรือนพัง

 

           ทามาร์เป็นผู้หญิงสวย รูปโฉมสคราญ ( 2 ซามูเอล 13:1) ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า  ผู้หญิงสวย ต้องฉลาดเป็นเท่าตัวของเพื่อนๆที่หน้าตาขี้เหร่ เพราะผู้ชายเยอะแยะจะตามหมายปองเธอ  และถ้าเธอไม่ใช้สติปัญญา  อ่านให้ออกว่าใครรักจริง ใครรักเก๊  เธออาจพลั้งพลาดได้  

 

          รักหรือใคร่กันแน่    (Agape หรือ Eros)

 

           อัมโนน เป็นโอรสของดาวิด  ที่เห็นทามาร์แล้วรักเธอมาก พระคัมภีร์บรรยายว่า  “อัมโนนรักเธอ  ด้วยเหตุน้องหญิงนี้ จิตใจของอัมโนนก็ถูกทรมานจนถึงกับล้มป่วย  

 

ด้วยเหตุว่าเธอเป็นสาวพรหมจารี อัมโนนจึงรู้สึกว่าจะทำอะไรกับเธอไม่ได้เลย” (2 ซมอ 13:1-2) ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้อง  คือมีกษัตริย์ดาวิดเป็นบิดาทั้งคู่ 

 

แต่ต่างมารดากัน พระคัมภีร์ภาษาไทยใช้คำว่ารัก อ่านเรื่องแล้วจะเห็นว่า  ที่รุ่มร้อนรบเร้าจิตใจอัมโนนนั้น คือความใคร่ล้วนๆ  หนุ่มสาวมักแยกไม่ออกระหว่างความรัก กับความใคร่  รักอยากให้คนที่เรารักได้สิ่งดี  ใคร่ไม่สนใจคนที่ตนรัก แต่อยากได้ตามใจตน   รักอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรม  แต่ความใคร่ไม่สนใจ รักแท้รอได้  แต่ความใคร่ไม่มีความอดทนอะไร

 

                      รักกันฉันท์นกน้อย          เหาะเหิน

                 รัก  ขยันบอกหยอกเอิน         พลอดพร้อง

                 รัก  หวงมิล่วงเกิน                ชิงสุก

                  รัก พร้อมรอหอห้อง             ผ่านหมั้นวันวิวาห์

               

ปกติ ชายหนุ่มที่รักหญิงสาว  มีทั้งรักและใคร่   ความรู้สึกทางเพศเป็นธรรมดาของความรักของหนุ่มสาว  แต่ความใคร่ไม่นำหน้าความต้องการทางเพศ  


                                        

 

หากรักเขาจริง  ก็ย่อมรอคอยได้  เพราะการได้เสียก่อนแต่งมีแต่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งตนเอง และคนที่เราบอกว่ารัก  ฟลอย แมคคลัง  กล่าวว่า การได้เสียก่อนแต่งงานก่อให้เกิด  3 สิ่ง  

 

        (1) ความรู้สึกผิดที่ฟ้องร้องในจิตใจ  ปกติ พระเจ้าทรงสร้างให้คนเรามีจิตสำนึก  เวลาเราทำสิ่งผิดศีลธรรม มันฟ้องเรา ตำหนิเรา  แล้วเราเพศสัมพันธ์เวลาชิงสุกก่อนห่ามของเรา จะมีสุขได้อย่างไร  

 

       (2) ทำให้เรากลัว  เรากลัวคนรู้  กลัวเรื่องจะแดงขึ้นมา กลัวมีลูก  กลัวเอดส์ กลัวสาระพัด นี่ก็อีก เราจะสุขใจได้อย่างไร 

 

            (3) ทำให้ความสุขในเรื่องเพศสัมพันธ์ในอนาคต  จืดจางลง  นั่นหมายถึงความสุขซึ่งควรจะมีในวันดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ และในวาระต่อมามันจืดจางลงไป เพราะเคยมาเสียแล้ว  สรุปแล้วเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง ถ้ารักเขาจริง และอดรนทนไม่ได้ ก็ไปสู่ขอเขา  แต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราว เปาโลบอกว่า  ดีกว่ามีใจรุ่มร้อนด้วยกามราคะ ( 1 โครินธ์ 7:9)

             

ปรึกษาเพื่อนเลว

 

             อัมโนน ปรึกษาสหาย โยนาดับ  เจ้าปัญญา  โยนาดับแนะว่าให้แสร้งทำเป็นประชวร  พอกษัตริย์ดาวิด เสด็จพ่อมาเยี่ยมก็ให้กราบทูลว่า ขอให้ทามาร์  น้องหญิงเอาอาหารมาให้  เพื่อจะได้รับประทานจากมือของเธอ แล้วค่อยจัดการกับเธอ  อัมโนก็เชื่อ  นักเทศน์คนหนึ่งท่านพูดเรื่องนี้  ท่านว่า  คนเรานี่แปลก  เรื่องดีดีที่ตนเทศนา เทศน์วันแล้ววันเล่า ไม่มีใครใคร่จะฟัง หรือปฏิบัติตาม ยากเหมือนเข็นครกขึ้นเขา ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา แต่พอสมาชิกไปฟังเรื่องเลวๆ  จากทีวี วิทยุ หรือเพื่อนเลวอย่างโยนาดับนี่ รีบคว้าเอาทันที คนไทยเราว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต  บัณฑิตพาไปหาผล” พระธรรมสดุดี1:1 กล่าวว่า “ความสุขเป็นของบุคคล  ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม” แล้วอัมโนนก็ทำตามคำแนะนำนั้น “อัมโนนจึงแสร้งทำเป็นประชวร  เมื่อพระราชาเสด็จมาเยี่ยม อัมโนนก็ทูลพระราชาว่า “ขอโปรดให้ทามาร์น้องหญิงมาทำขนมสักสองสามอัน  ต่อหน้าข้าพระบาท  เพื่อข้าพระบาทจะได้รับประทานจากมือของเธอ” ( 2 ซมอ. 13:6)

           

กษัตริย์ดาวิดรูไม่เท่าทัน

 

            “ดาวิดทรงใช้คนไปหาทามาร์ที่วัง  รับสั่งว่า  “ขอจงไปที่บ้านของ

 


                         

 

อัมโนนพี่ของเจ้า และเตรียมอาหารให้เขารับประทาน” ทามาร์จึงไปยังวังของพระเชษฐาของเธอที่ที่เขาบรรทมอยู่ พอเธอเตรียมอาหารให้  

 

อัมโนน ก็ขอให้คนอื่นออกไป  เขาจับมือเธอ รับสั่งว่า “น้องของพี่เข้ามานอนกับพี่เถิด”  ( 2 ซมอ 13:7-11)  นี่คือความผิดพลาดครั้งสำคัญ  ไม่ทราบว่าดาวิดคิดอย่างไร  ผมคิดว่า  (1) ดาวิดคงเห็นใจที่อัมโนน  โอรสประชวร  คงอยากให้หายเร็ว  (2) คิดว่าเป็นพี่น้องกัน อัมโนนคงจะรักน้อง ไม่ทำผิด คงคิดไปในทางดีทั้งสิ้น  นี่เป็นข้อเตือนใจสำหรับทุกคน พระธรรมฮีบรู 3:13  สอนให้เรารู้เล่ห์กลของบาป ให้เรารู้เล่ห์เหลี่ยมของมาร  คนไทยเราว่า “กันไว้ดีกว่าแก้” “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง” ทำให้ถูกเอาไว้ ปลอดภัยกว่า  อย่าคิดว่า  เป็นลูกพี่ลูกน้องไม่เป็นไร  น้องเมียไม่เป็นไร แก่ชราขนาดนี้แล้วไม่เป็นไร  รุ่นคราวแม่กับลูกแล้วไม่เป็นไร เพื่อนซี้กันขนาดนี้จะเป็นไรไป  เขาเป็นเกย์ไม่เป็นไร  เป็นผู้จัดการที่มีหน้ามีตาและเป็นคนคราวพ่อแล้วไม่เป็นไร โอ๊ย ผมเขียนได้ไม่หมด อย่าคิดว่าไม่เป็นไร ตัณหาไม่เข้าใครออกใคร เกิดได้ทั้งนั้น  เมืองไทยตัวอย่างที่ผมยกมามีให้เห็นเต็มไปหมด  ดาวิดพาซื่อ คิดคิดอย่างเดียว

          

 เขาไม่ทำกันในอิสราเอล”

 

           “พระเชษฐา  ขออย่าบังคับน้องเลย สิ่งอย่างนี้เขาไม่กระทำกันในอิสราเอล  ขออย่ากระทำอย่างโฉดเขลาอย่างนี้เลย  ส่วนหม่อมฉัน หม่อมฉันจะเอาความอายไปซ่อนไว้ที่ไหน  ฝ่ายท่านเล่า ท่านจะเป็นคนโฉดเขลาในอิสราเอล  เพราะฉะนั้นขอทูลพระราชา พระองค์จะไม่ทรงห่วงหม่อมฉันไว้ ไม่ให้ท่าน”  ตรงนี้ ผมชมทามาร์  เธอพูดถูก  เธอทัดทาน ท้วงติง แนะนำถูกทุกอย่าง  เขาไม่ทำกันในอิสราเอล  เรื่องอย่างนี้คนนอกเขาทำกัน  มันไม่ควรเกิดท่ามกลางผู้เชื่อ เราต้องจำใส่ใจ เปาโลสอนทิโมธี  นักเทศน์หนุ่มว่า “อย่าให้ใครหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน  แต่จงเป็นแบบแก่คนทั้งปวงทั้งวาจา  และการประพฤติ  ในความรัก ในความเชื่อ  และในความบริสุทธิ์….ผู้หญิงสาวๆ ก็ให้เป็นเสมือนพี่สาว น้องสาว  มีใจบริสุทธิ์ต่อเขา” ( 1 ทิโมธี 4:12;5:2)  

 

ผมฝากเรื่องนี้ไว้กับหนุ่มสาวทุกคน  “เขาไม่ทำกันในอิสราเอล”  

 

           อัมโนนไม่ฟังเสียงเธอ  แล้วอัมโนนก็ใช้กำลังข่มขืน และนอนร่วมกับเธอ  นี่ไม่ใช่ความรัก  มันคือความใคร่  ผู้ชายบางคนโอ้โลมผู้หญิง บอกว่า  เซ็กส์คือเครื่องพิสูจน์ความรัก  ถ้ารักจริงก็มีเซ็กส์ด้วยกัน   เธอไม่ยอมก็แสดงว่าไม่รัก  มัน คือ อุบายของศัตรู  


                                       

 

 ความใคร่ไร้ความรับผิดชอบ

 

          “ต่อมาอัมโนนก็เบื่อหน่ายเธอ และเกลียดชังเธอยิ่งนัก  ความเกลียดชังครั้งนี้มากยิ่งกว่าความรัก ซึ่งท่านได้รักเธอมาก่อน  และอัมโนนรับสั่งกับเธอว่า “จงลุกขึ้นไป” แต่เธอตอบว่า “อย่าเลยพระเชษฐา ที่จะขับไล่หม่อมฉันไปครั้งนี้ ก็เป็นความผิดใหญ่ยิ่งกว่าที่พระเชษฐาได้ทำกับหม่อมฉันแล้ว”  แต่ท่านหาได้เชื่อฟังเธอไม่  สั่งมหาดเล็กให้ขับไล่เธอไป  ปิดประตูใส่กลอน (2 ซมอ 13:15-17)  รักอย่างไรกัน  ก่อนหน้านี้  รักจะกลืนจะกิน  ขาดเธอไม่ได้ ต้องการเธอ ปรารถนาเธอ  ไม่มีเธอแทบจะเป็นจะตาย  แต่ผ่านไป ไม่เกินชั่วโมง  เกลียดชังเธอ ไม่อยากเห็นเธอ เหม็นหน้าเธอ ก่อนหน้านี้หาวิธีพบเธออยู่ใกล้เธอ อยากมีเธอแนบอก บัดนี้ ขับไล่ไสส่งเธอ  ปิดประตูใส่เธอ  ทำไมรักจึงพลิกกลับเป็นเกลียดได้รวดเร็วขนาดนั้น  ความรักปรารถนาให้คนรักได้สิ่งที่ดี  ความรักคิดถึงใจคนที่เรารัก  ความรักให้เกียรติเขา  ความรักมั่นคงยั่งยืน  สำหรับรักของอัมโนน  

 

ไม่มีอะไรอื่นนอกจากตัณหา และการเห็นแก่ตัว  มันคือความใคร่ล้วนๆ  ตอนผมเรียนคณะเภสัช  ผมจำเพลงของสุนทราภรณ์ได้เพลงหนึ่ง เขาว่า

 

..ดอก ไม้ แรก บาน เปรียบก็ปาน    สาวแรกรุ่น

 ผลิ นวล ละ มุน   เนื้อนวลนุ่มโสภา  

แรก สาว แรก งาม   แรกก่อความ เย้าอุรา  

เหล่ชาย หมายตา อยากจะลอง

..แมลง เหมือนชาย   คอยกล้ำกลาย ใคร่ครอบครอง   

พอชม สมปอง   ชายก็มองข้ามหัวไป 

 สิ้น สาว ซูบ โซม   ถูกลูบโลม สาวเศร้าใจ

 พรหมจรรย์ เสียไป   ไม่มีใคร เขา นิ ยม

สิ้น สาว ก็สิ้นชม  สิ้นภิรมย์ ตรมอยู่เดียว....

 

                ครับต้องจำไว้เป็นบทเรียน  

 

                ดาวิดเอง  ไม่ได้ลงโทษอัมโนนแต่อย่างใด  ต่อมาอับซาโลม  พระเชษฐา มารดาเดียวกัน  แก้แค้นแทนน้องสาว ฆ่าอัมโนนเสีย มีเรื่องยุ่งเหยิงมากในวังของกษัตริย์ดาวิด  น่าคิดว่าเรื่องนี้เกิดหลังดาวิดไปผิดกับนางบัทชีบา และฆ่าอุรีอา สามีของเธอ มีผู้หลงความเห็นว่า  ดาวิดไม่ทำอะไรกับอัมโนน  เพราะตัวเองก็ทำผิด  และมีบาดแผลเช่นเดียวกัน  เวลาเราทำผิด  เสียงที่เราจะสอนคนรุ่นถัดไปก็เงียบลง ในวันวาเลนไทน์นี้  ขอให้บทเรียนนี้เป็นเรื่องเตือนใจหนุ่มสาว ให้เราใช้ชีวิตในหนทางของพระเจ้า   รักแม้ต้องอยู่ในศีลธรรม ออกนอกศีลธรรมเรื่องยุ่งแค่ไหนเราได้บทเรียนจากเรื่องนี้

 

 



Visitor 146

 อ่านบทความย้อนหลัง