เอสเธอร์
Esther


ผู้เขียน
อาจเป็นโมรเดคัย

ช่วงเวลา
ก.ค.ศ. 485-465

วัตถุประสงค์
เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเฝ้าดูแลของพระเจ้าที่มีต่อคนอิสราเอลที่กระจัดกระจายไปอาศัย อยู่ต่างแดน พระนางเอสเธอร์ได้รับการสถาปนาเป็นพระราชินีของกษัตริย์อาหสุเอรัส และทรงเป็นผู้ช่วยประชาชนของเธอให้รอดพ้นจาการวางแผนทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของฮามาน


เนื้อหา
หนังสือเอสเธอร์เป็นเรื่องของสาวงามชาวยิวที่กษัตริย์อาหุเอรัสเลือกมาเป็น พระราชินี เมื่อฮามานวางแผนฆ่าคนยิวทั้งหมดในแผ่นดิน โมรเดคัยผู้เป็นญาติของพระราชินีพยายามยื่นมือออกช่วยชีวิตพี่น้องร่วมชาติไว้ พระราชินีเอสเธอร์เสี่ยงชีวิตเข้าไปวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระราชาจนสามารถช่วยพวกเขาไว้ได้ แม้ว่าหนังสือเอสเธอร์จะไม่เอ่ยถึงพระนามของพระเจ้าเลยสักแห่งเดียว แต่เราก็ได้เห็นถึงการปกป้องขอขงพระเจ้าที่มีต่อประชากรของพระองค์อย่างชัดเจน

โครงเรื่อง
พระนางวัชที ถูกปลดออกจากตำแหน่งพระราชินี 1
การสถาปนาเอสเธอร์เป็นพระราชินี 2
การวางแผนของฮามาน 3-8
คนยิวได้รับชัยชนะ 9-10

ข้อควรคิด
วีรสตรีในยามวิกฤติ
เอสเธอร์ 4:14
เพราะถ้าเธอเงียบอยู่ในเวลานี้ ความช่วยเหลือและการช่วยกู้จะมาถึงพวกยิวจากที่อื่น แต่เธอและครัวเรือนบิดาของเธอจะพินาศ ที่จริงเธอมารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อ ยามวิกฤตเช่นนี้ก็เป็นได้นะ ใครจะรู้”

เมื่อโอกาสช่วยเหลือคนอื่นมาถึงเรา เราจะตัดสินใจอย่างไร เราจะนิ่งอยู่ หรือกระโดดเข้าไปช่วยเหลือเขา นี่คือสิ่งที่เราแต่ละคนอาจพบอยู่บ่อยๆ

รื่องของพระนางเอสเธอร์เป็นอุทาหรณ์สอนเราอย่างมาก เธอเป็นเชลยสาวสวยชาวยิวในประเทศเปอร์เซีย เป็นหลานสาวของโมรเดคัย ลุงคนนี้เป็นผู้เลี้ยงดูเธอมาตลอด ในขณะกษัตริย์อาหสุเอรัส พระราชาเปอร์เซียเสาะหาสาวงามเป็นพระราชินีแทนพระราชินีพระองค์ก่อน เอสเธอร์ได้รับเลือกเข้าไปเป็นพระราชินี เรียกได้ว่า หนึ่งในล้านที่เดียวที่โอกาสเช่นนี้จะเกิดขึ้นมาได้

รื่องไม่จบแค่นั้น ยิวที่เป็นเชลยในเปอร์เซียมีศัตรู ฮามาน อัครมหาเสนาบดีของพระราชา วางแผนการลับๆ และทูลเสนอพระราชาให้เชื่อว่าพวกยิวเป็นศัตรูของชาติ ให้พระราชากำหนดวันสังหารพวกยิวได้โดยไม่ผิดกฎหมาย พระราชาทรงเห็นคล้อยตาม และออกพระราชกฤษฎีกาตามข้อเสนอนั้น นี่คือ วิกฤติการล้างเผ่าพันธุ์ทีเดียว เมื่อกฎออกไปแล้วใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เรื่องนี้พระนางเอสเธอร์มิได้ล่วงรู้ แต่โมรเดคัยได้แจ้งให้เธอทราบ โมรเดคัยมองเห็นและเสนอว่า ช่องทางหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ คือการที่พระนางเอสเธอร์จะเสี่ยงเข้าไปกราบทูลพระราชา ซึ่งกฎหมายในสำนักพระราชวังสมัยนั้น ถ้ากษัตริย์ไม่ทรงเรียกหญิงคนใดเข้าเฝ้า ก็ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำเข้าไปในพระราชฐานชั้นใน ผู้เข้าไปอาจมีโทษถึงตาย เดี๋ยวนี้โอกาสของการช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติของเธอมาถึงแล้ว เธอจะอยู่เฉยๆ หรือเสี่ยงลุกขึ้นมาแก้ปัญหา เธอต้องตัดสินใจ ในที่สุดเธอก็ได้เข้าไปหาพระราชา และพระราชาทรงโปรดปรานเธอ อันเป็นเหตุให้ชาวยิวพ้นวิกฤติการการสังหารครั้งประวัติศาสตร์ ชาวยิวทุกวันนี้ยังคงเฉลิมฉลองวันพ้นวิกฤติทุกปี ในเทศกาลปูริม

ย่าลืมน่ะครับ ความพินาศกำลังคืบคลานเข้ามาเยือนพี่น้องใกล้ตัวของเราทุกวี่วัน ภัยยาเสพย์ติด การพนัน การผิดผัวผิดเมีย การขบถภายใต้ศัตรูตัวฉกาจคือมารซาตาน เราต้องลุกขึ้นมาช่วยเขา อย่านิ่งเฉย นี่คือโอกาสของท่าน ดร.บิลลี่ เกรแฮม กล่าวว่า ไม่ใช่ท่านแล้วใคร ไม่ใช่เดี่ยวนี้ แล้วเมื่อไหร่ ลุกขึ้นมาเถอะครับ

Visitor 845

 อ่านบทความย้อนหลัง