พระดำริของพระเจ้า

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2007
ผป.ทิฆัมพร เปล่งศรีสุข


อิสยาห์ 55:8

“เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา พระเจ้าตรัสดังนี้”

แผนการเป็นอย่างไร วิธีการก็ต้องเป็นอย่างนั้น วิธีการของพระเจ้าเกินกว่าสิ่งที่มนุษย์จะคาดคิดถึง พระเจ้าก็คือพระเจ้า เรายอมรับ หลายครั้งเราไม่ได้ทำอย่างที่พระเจ้าทรงมีพระดำริ
ในภาพยนตร์บัญญัติสิบประการ เราจะเห็นว่าวิธีการของพระเจ้า เป็นวิธีการเกินกว่าที่มนุษย์จะคิดได้ ชาวยิวตกเป็นทาสของฟาโรห์ เขาเรียกร้องหาพระเจ้า และเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ยิวคงคิดแค่ต้องการให้ฟาโรห์ตัดทอนความลำบากให้น้อยลง ยิวต้องการเล็กน้อย แค่ผ่อนคลายความลำบากเท่านั้น หลายครั้งยิวที่พบความลำบากก็จะคิดว่ากลับไปเป็นทาสของฟาโรห์ในอียิปต์อีก เขาไม่เคยคิดว่าจะพ้นจากความเป็นทาส แต่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้ยิวพ้นจากการเป็นทาส เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งในคานาอัน
ทำไมพระเจ้าไม่ให้ชาวยิวทราบแผนการล่วงหน้า ขณะที่เขาทุกข์ แท้จริงพระเจ้าทรงมีการวางแผนเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ทรงให้โมเสสเกิดมา วิธีการของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ชาวยิวมองไม่เห็น ผมเองเรียนรู้วิธีการของพระเจ้ามาชั่วชีวิต เวลาเราเผชิญเรื่องเกินความคิด เช่น เรื่องบ้าน ใน 10 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดว่านี้คือแผนการของพระเจ้า ขณะที่เผชิญเราจะรู้สึกหมดหวัง เพราะเรามองสิ่งที่เกิดปัญหานั้นยิ่งใหญ่จนคิดว่าแม้พระเจ้าก็ไม่ทราบจะแก้ไขได้อย่างไร เราคิดไม่ออก เราก็สรุปว่าพระเจ้าก็แก้ไม่ได้ แล้วเราก็หมดแรง นี่คือจุดอันตรายที่เราจะก้าวไปสู่แผนการของพระเจ้า เราต้องย้อนไปดูบทเรียนในอดีตเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง และความหวังให้แก่เรา แล้วเราจะไม่กลัว และกล้าหาญ
โยชูวาก็เหมือนกัน เขามีความเชื่อมั่น กล้าหาญ ถ้าเรากลัว เราก็ไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้ เวลาเราเดินเข้าไปเรารู้สึกหนาว มืด โดดเดี่ยว แต่ถ้าเป็นวิธีการของพระเจ้า พระเจ้าจะประทานความสว่างให้แก่เรา ไม่ใช่เดินเข้าไปเรายิ่งหนักขึ้นไปกว่าเดิม เวลานั้นเราจะเรียนรู้วิธีการของพระเจ้า ยิวออกจากอียิปต์ไปคานาอัน ทำให้ได้บทเรียน 3 ประการด้วยกัน เป็นแผนการที่เราคิดไม่ถึง
1) แผนการของพระเจ้าไม่ใช่ความคิด,วิธีการ หรือแผนการของเรา นั้นแปลว่าเราต้องคิดใหม่ เราจะต้องไม่ตั้งอยู่บนความต้องการของตัวเอง ถ้าเรากำหนดความต้องการของตนเอง เราก็จะผิดพลาด ตอนที่ผมผ่านวิกฤติผมไม่ได้ขอให้พระเจ้าช่วยเลย เราต้องกลับมาพิจารณาตัวเอง ใจเราต้องดี สะอาด บริสุทธิ์ ทำไม? เพราะเราจะต้องให้ใจเราเข้าใจความคิดของพระเจ้า ถ้าใจเราโลภ เราจะฟังพระเจ้าไม่ได้ ถ้าเราโกรธ,เกลียด เราจะสื่อความรักต่างหาก ความคิดมาแต่ความรัก ถ้าเราเย่อหยิ่ง เราจะเข้าไปหาพระเจ้าทำไม คุณภาพใจของเราสำคัญ ปราศจากคุณภาพใจที่ดี เราจะไปเข้าใจพระเจ้าไม่ได้ เรามีปัญหา เราจะคิดแต่ปัญหา เราจะไม่มีวิธีการของพระเจ้า ซึ่งเรามองไม่เห็น ถ้าเราคิดแต่ออกไปปากซอยอ่อนนุช แต่พระองค์ให้เราไปเชียงใหม่ เราจะคิดแผนต่างกันไปหมด เราต้องจับติดพระเจ้าให้ได้ ครั้งแรกอาจไม่มั่นใจ แต่ต่อมาจะมั่นใจ มีพลัง มีอำนาจ ทุกอย่างที่เดินไปจะได้รับการแก้ไขตลอดทางมีวิกฤติ ปัญหา แต่สัมผัสได้ว่าพระเจ้าแก้ไขได้ทุกเวลา
2) แผนการของพระเจ้าไม่ใช่ ช่วงสั้น ๆ แต่มีตั้งแต่ต้นจนจบ แผนการมิใช่เพียงลดความทุกข์ยากลำบาก แต่เส้นทางของพระองค์มีขั้นตอน เพิ่มพูนความแข็งแกร่ง และเชื่อมั่น ไม่ใช่เราเรียกหาพระเจ้า เฉพาะเวลาที่เราต้องการ แต่ต้องสัมผัสพระองค์ตลอดเวลา บางครั้งเราเดินตามแผนการของพระองค์บ้าง ของเราเองบ้าง เวลาเราออกนอกแผนการของพระองค์ พระองค์ต้องดึงเราเข้ามา ชาวยิวมักคิดเหมือนเรา คิดว่าจบสิ้นแล้ว พอพบความทุกข์ยาก เขาท้อถอย ถ้าเราคิดว่าเราวิ่งมาราธอน ไม่ใช่ 100,
200,400 เมตร บ่อยครั้งเราคิดว่าเราวิ่งแค่ระยะสั้น ๆ คนวิ่งมาราธอน ต้องวางน้ำหนัก สปีด ต่างกัน พบตรงเป้าหมายเราก็หมดแรง เราจะบ่น,ต่อว่า,เหนื่อยเป็นระยะ ๆ เราวางแผนชีวิตไม่ถูก แล้วก็โทษพระเจ้าด้วย
3) เราเลือกไม่ได้
เราจะต้องดูว่าเราเดินได้หรือไม่ เราต้องเดินตามแผนของพระองค์ ถ้าออกนอกแผนการของพระองค์ มันจะมีปัญหา ครั้งแรกยิวเดินผิด พระเจ้าให้อภัย ยิวก็ยังไม่เข็ด ปฏิเสธ เราต้องแก้ไขความคิดของเราให้ได้ ถ้าไม่ได้ เราจะล้มเหลว
เราย้อนมาดูคริสตจักรของเรา เราเป็นส่วนประกอบ คริสตจักรคือชีวิต ประกอบด้วยพวกเราทุกคน คริสตจักรจะเป็นอย่างไร ถ้าเราก้าวไปตามใจตัวเอง ใจยิ่งไม่ดี จิตวิญญาณที่เห็นแก่ตัว มองไม่เห็นแผนการของพระเจ้า เราจะไม่ไปสู่เป้าหมายของพระองค์ เราต้องดูว่าเป็นพระประสงค์ หรือความต้องการของเราต้นตอของปัญหา มาแต่ตัวเราเองหรือเปล่า ปัญหาอย่ามองที่คนอื่น ต้องดูตัวเราเอง ถ้าเราทำและไม่เกิดผล แสดงว่าเรากำลังมีปัญหา แผนการของพระเจ้ากว้างไกลกว่าเรายิ่งนัก

Click ที่นี่เพื่อฟังคำเทศนา
Visitor 106

 อ่านบทความย้อนหลัง