รู้จักรักพระเจ้าอย่างไร?

ศบ.

 

          ตอนที่ภรรยาตั้งครรภ์จะคลอดลูกคนแรก  ผมตื่นเต้นไม่เบา  ภรรยาฝากครรภ์กับหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน  หมอนัดให้ไปตรวจเป็นระยะ ๆ  ผมไปกับภรรยาทุกครั้ง  เรานั่งฟังคำแนะนำจากหมอด้วยกัน  หมอแนะนำเรื่องอาหารการกิน การควบคุมน้ำหนัก การปฏิบัติตัว  หมอมักให้ภรรยาทานวิตามินและธาตุเหล็กเพื่อบำรุงเลือด   สมัยนั้น  ไม่มีการตรวจอุลตราซาวด์  ว่าลูกในครรภ์เป็นหญิงหรือชาย เราจึงไม่รู้ก่อนล่วงหน้า  ผมเดาไม่ถูก และรอลุ้นจนถึงวันที่เธอคลอด  ผมอดไม่ได้เรื่องความฝันว่าจะได้เป็นพ่อคน      เราเช่าบ้านในหมู่บ้านมิตรภาพราคาเดือนละ  850 บาท  ชั้นบนมี 3 ห้องนอน  เป็นห้องนอนใหญ่ที่เราพัก 1 ห้อง ส่วนอีก 2 ห้องเป็นห้องนอนเล็ก 

 

 

            ผมตกแต่งห้องนอนเล็กห้องหนึ่งให้เป็นห้องลูก  มิชชั่นนารีท่านหนึ่ง ยกเตียงเด็กมาให้เรา 1 เตียง  ทำด้วยไม้สัก   ภรรยาและผมไปซื้อเสื้อผ้าเด็ก  อ่างอาบน้ำปลาสติก  ผ้าอ้อม  สมัยนั้นเราไม่รู้จักแพมเพอร์สเลย  รู้จักแต่ผ้าอ้อม ถ้าลูกใช้เลอะก็จะซัก ตากให้แห้ง และนำมาใช้ใหม่   ผมไปซื้อตู้เสื้อผ้าที่ร้านเฟอร์นิเจอร์กลางซอย  เป็นตู้กระจกที่มีราวแขวนด้านบนและลิ้นชักด้านล่าง  ผมไปหาสติกเกอร์รูปตุ๊กตา  มาติดที่ตู้ให้ดูเป็นตู้เสื้อผ้าเด็ก ตามสไตล์ศิลปะของผม  ผมตื่นเต้นตั้งแต่ลูกยังไม่คลอด  มีบางคนมาเตือน ตามความเชื่อที่เขาเอามาแต่ไหนก็ไม่รู้ว่า  อย่าเตรียมมาก  เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้น เช่น ภรรยาแท้งลูกแล้วจะผิดหวัง  แต่ห้ามเราไม่ได้หรอก เราไม่เคยฝันเรื่องพรรณนั้น  ฝันแต่เรื่องดีเท่านั้น  

 

 

 

           วันที่ภรรยาจะคลอดลูก  เป็นวันเสาร์เย็น  ผมพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล  ส่งเธอเข้าห้องเตรียมคลอดแล้ว  ก็นั่งรอนอนรอ  ด้วยความตื่นเต้น ว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิง  หน้าตาจะเป็นยังไง  เหมือนเธอหรือผม  นางพยาบาลบอกให้กลับบ้านได้  เพราะนั่งรอที่โรงพยาบาลก็ไม่มีประโยชน์อะไร  ยุงกัดเปล่าๆ   ผมก็ไม่อยากกลับ  ตื่นเต้นราวกับจะคลอดเอง   เรื่องชื่อนี่  ผมปรึกษากับภรรยาไว้แล้ว  ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิง  เราว่าจะตั้งชื่อจริง และชื่อเล่นว่ายังไง   ผมได้ยินว่า พ่อบางคนอยากได้ลูกชายมาก พอทราบว่าได้ลูกหญิง  ถึงกับเข่าอ่อน หมดเรี่ยวแรงกำลัง  กระติกตกจากมือ   แต่สำหรับเรา  ชายหรือหญิงมีค่าเท่ากัน   ผมทราบจากพยาบาลมาบอกว่า  ผมได้ลูกชาย  ยังจำได้ว่าวันอาทิตย์เช้าวันนั้นผมไปโบสถ์  และแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า “ผมได้ลูกชาย” 

             

ผมไม่ได้แต่บอกที่ประชุมเท่านั้น  ผมซื้อการ์ด “I have a baby boy.”  ส่งให้คนที่ผมนับถือไปทั่ว ทั้งในเมืองไทยและเมืองนอก  ดาลีน ภรรยาของอาจารย์ รอเลน คันนิ่งแฮม ผู้นำวายแวม  เขียนโน้ตตอบกลับมาทางไปรษณีย์ (สมัยนั้น ยังไม่มี อีเมล หรือเฟสบุ๊ค)  “ดีใจด้วย  ต่อแต่นี้ คุณจะซาบซึ้งว่า พระเจ้ารักเราอย่างไร” ผมไปซื้อ หนังสือวิธีเลี้ยงลูก ของหมอที่ให้คำแนะนำอย่างละเอียดลออ  ผมทำสมุดชีวประวัติลูก มีภาพ Family Tree บอกต้นตระกูลครอบครัว ภรรยา และผม บอกวัน เวลาที่คลอด สถานที่คลอด ชื่อหมอทีทำคลอด  น้ำหนักลูก ตอนคลอด 

 

             ตอนไปดูลูกที่ห้องกระจก พยาบาลอุ้มลูกมาให้ดู  ผมตื่นเต้นมาก  บอกตัวเองว่า  “นี่คือลูกของเรา  วันนี้ผมเป็นพ่อคนแล้ว”  เรามิได้ส่งลูกไปให้ใครเลี้ยง   เพราะภรรยาและผม อยากสัมผัสชีวิตของการเป็นพ่อหรือแม่ของลูกด้วยตนเอง   อยากรู้ไปหมดว่า จะแกจะหลับตอนไหน จะตื่นตอนไหน เมื่อหิว แกจะออกอาการยังไง  เราจะอาบน้ำลูกยังไง  ใช้สบู่ และแชมพูแบบไหน  ซักผ้าอ้อมตากมาใช้ใหม่ยังไง  ผมซื้อตุ๊กตา สีแดง เขียว เหลือง  ที่หมุน  แล้วมีเสียงดังกรุ๊ง กริ๊ง มาแขวนไว้เหนือเตียงเด็ก  ยั่วให้ลูกยิ้ม หัวร่อ เอิ้กอ้าก  ป้อนนมเสร็จ แบกแกขึ้นพาดบ่าให้แกเรอยังไง  เมื่อท้องขึ้นใช้มหาหิงษ์ทาที่หน้าท้อง ให้ลูกผายลมยังไง   จนกระทั่งเราได้พูดได้คุยกับลูกเมื่อแกโตขึ้น  ผมมีความสุขครับ 

           วันนี้ ผมมีลูก 3 คน  ผมชอบเขียนกลอน  เมื่อตั้งชื่อลูกแต่ละคน มิใช่แต่ผม  เราที่เป็นพ่อแม่มีลูก  เราล้วนแต่ตั้งใจดี  ปรารถนาดี  หวังใจให้ลูกเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น  พระเจ้ายิ่งกว่าเรามากนัก  เมื่อ พระองค์ทรงโปรดให้เราลืมตามาดูโลก พระองค์ทรงพิถีพิถัน ทรงตั้งพระทัยบรรจง ทรงปรารถนาให้เราเป็นคนดีที่สุด ทั้งได้สิ่งดีที่สุดด้วย   

 

                  

                   

          เล่ามาเสียยาว   

          ผมอยากบอกให้ทราบว่า  เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้น  พระองค์ตื่นเต้น  และจัดเตรียมประเสริฐยิ่งกว่าผมเตรียมมากยิ่ง  ทั้งทรงมีเหตุผลประกอบในทุกเรื่อง

           

ทรงออกแบบชีวิตให้เรามีความสุข 

          เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์คู่แรก  พระองค์ทรงตื่นเต้นในพระทัยของพระองค์อย่างแน่นอน  ทุกอย่างที่ทรงสร้างก็สร้างเพื่อเรา  สร้างเพื่อเราจะได้สัมพันธ์กับพระองค์ด้วย

 

           ภรรยาและผมเตรียมห้องนอน  เตรียมเตียงนอน  เตรียมผ้าอ้อมให้ลูก  พระองค์ทรงเตรียมโลก และจักรวาลแสนวิเศษให้เรา  ทรงแยกภาคพื้นฟ้าจากพื้น้ำ ให้เราหายใจอากาศที่สดชื่น  ทรงแยกแผ่นดินจากทะเล  ธรรมชาติคนเราต้องอยู่บนบก  ทรงปลูกพืชผักตามชนิดของมัน  เมื่อเรามองดูท้องฟ้า และต้นไม้สีเขียวเราสบายตา  ทรงสร้างพืชนานาพันธุ์เพื่อเป็นอาหารของเรา  เรามีแตงโม แตงร้าน ในหน้าร้อน  ทรงประทานทุเรียนที่อบอุ่นให้เราในหน้าฝนหรือหน้าหนาว  ลิ้นของเราสามารถรับรส เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ทรงสร้างมะนาว มะขามให้รสเปรี้ยว  สร้างต้นตาล ต้นอ้อนให้น้ำตาลรสหวาน  สร้างพริกที่มีรสเผ็ด และให้เกลือที่มีรสเค็ม ทำไมล่ะ  เมื่อเรารับประทาน  เราจะได้เอร็ดอร่อย  ชื่นมื่น   ทรงสร้างข้าวจ้าว ข้าวเหนียว ข้าวสาลี  ข้าวโพด  เพราะร่างกายเราต้องการคาร์โบไฮเดรท  ทรงสร้าง มะพร้าว  รำข้าว มะกอก ให้เราสกัดน้ำมันพืช  เพราะร่างกายเราต้องการไขมัน  สร้างถั่วเหลือง  เนื้อสัตว์  ไข่ไก่ น้ำนม เพราะร่างกายเราต้องการโปรตีน   ทรงให้มีเกลือแร่จากทะเล  ให้วิตามิน ดี จากแสงแดด  วิตามิน ซี จากส้ม  วิตามิน บี จากข้าวกล้อง เพื่อประโยชน์กับร่างกายของเรา   เรากินอาหารเหล่านี้อย่างเอร็ดอร่อย  

 

 

 

หายใจออกซีเจนเข้าไป  สันดาปในเซลล์ให้เกิดพลังงาน  มีเรี่ยวแรงกำลัง  เปาโลกล่าวว่า “สิ่งสารพัดที่ทรงสร้างไว้นั้นเป็นของดี  ถ้าบริโภคด้วยของพระคุณก็ไม่ห้ามสักสิ่งเดียว   ( 1ทิโมธี 4:4 ) 

 

                เปาโลกล่าวว่า “จงหวังใจในพระเจ้าผู้ทรงประทานทุกสิ่ง  เพื่อความสะดวกสบายของเรา”   ( 1 ทิโมธี 6:17) 

              สร้างปลา ในธารา   สร้างปักษา ในอากาศ 

     โผผิน บินผุดผาด            ร่อนผงาด ถึงไหนไหน

           สร้างเสือ ให้อยู่ป่า     สร้างช้างม้า ให้เราใช้

      สร้างวัว ลากคันไถ          สร้างไฟไว้ ให้หุงต้ม  

         สร้างวัน ให้ทำงาน       ราติกาล พักสุขสม 

      ยามเช้า เรารื่นรมย์         ค่ำบรรทม พักกายา

         ไม้ดอก สร้างสวยสด     สีงามงด ดูงามตา

      หอมกลิ่น ชื่นบุหงา         พระกรุณา เหนือบรรยาย 

         สร้างโลก สวยยิ่งนัก    เพราะทรงรัก เราเหลือหลาย

     แต่ต้น จนบั้นปลาย         มิแหนงหน่าย ทรงรักเรา

        ยามที่ เราลุ่มหลง       ใจทะนง   ทรงโศกเศร้า

     รักใด จะเที่ยบเท่า          เมื่อพระเจ้า เสด็จมา

        วายชนม์ ที่กางเขน      ไถ่บาปเวร ปวงประชา

     ขอบคุณ พระบุตรา         พระกรุณา เหลือบรรยาย             

 

         ไม่มีเหตุผลอื่นครับ  ทรงเตรียมสารพัดเหล่านี้เพื่อต้อนรับเรา ผู้ที่จะบังเกิดในโลกของพระองค์  เพราะรักพระเจ้าทรงปรารถนาให้เรามีความสุข   

 

 

 

         เมื่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง  ดื้อดึง ขัดขืนพระองค์  ไม่ยอมให้พระองค์ปกครอง  พระองค์จะทรงทุกข์โศกแค่ไหน พระองค์ต้องถาม  ว่าที่ทรงสร้างสารพัดมาทั้งหมดนี้ สร้างทำไม   กอร์ดอน โอลสัน กล่าวว่า  ไม่มีใครอาจหยั่งพระทัยของพระเจ้าได้ว่า  พระองค์ทรงโทมนัสปานใด  เมื่อคนเราทำความผิดบาป  หันหลังจากพระองค์  และความรักของพระองค์ก็ไม่มีที่สิ้นสุด  พระองค์ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เข้ามาในโลกเพื่อ ไถ่โทษความผิดนำเรากลับมามีสัมพันธภาพกับพระองค์  ครับ  นี่คือความรักเหนือคำบรรยายของพระองค์       


Visitor 454

 อ่านบทความย้อนหลัง