บทเรียนจากชีวิตโยเซฟ

 
  
 
 
อาจารย์ คริส บราวน์
เมื่อวันอังคารที่ 26 มิถุนายน 2012   ชั้นสาวก
 
 
 
         วันนี้พี่น้องไม่ได้เรียนวิชา ฮีบรู แต่ผมขอพูดเรื่องต้นตระกูลของคนฮีบรู   ปฐมกาส 37 บอกว่า ตอนโยเซฟอายุ 17 ปี เขาไปเลี้ยงสัตว์กับพวกพี่ชาย(2) พ่อรักโยเซฟมาก พวกพี่ชายจึงไม่ชอบโยเซฟ พูดดีกับเขาไม่ได้ (4) โยเซฟฝัน จึงไปเล่าความฝันให้พวกพี่พี่ฟัง พวกพี่ชายยิ่งเกลียดชังโยเซฟมากขึ้น เพราะโยเซฟเล่าว่า “ฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆ จะมาโค้งกราบฟ่อนข้าวของเขา (7) อีกครั้งหนึ่ง โยเซฟฝันและเล่าให้พวกพี่ฟังว่า ดวงดาว 11 ดวง ทั้งดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์จะมากราบไหว้เขา พวกพี่ยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีก (9) 
          
         1. พระเจ้าทรงประทานความฝันให้
          ข้อสังเกต    คือความฝัน   หรือนิมิต เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้เรา เราไม่ได้คิดขึ้นมาเอง โยเซฟรับความฝันนี้มาจากพระเจ้า 
3 ประการในการทดสอบความฝันนั้น ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่
เราถนัด หรือชำนิชำนาญหรือไม่   มีคนหนึ่งเห็น นักร้องหน้าเวที เขาร้องเพลงเพราะ เขาจึงบอกว่าเขาฝันเป็นนักร้อง เช่นคนคนนั้น แต่เสียงเขาไม่ไพเราะ ฟังแล้วเหมือนฆ้องแตก   ฝันอย่างนี้ไม่น่ามาจากพระเจ้า
เป็นพระพรแก่คนอื่นหรือไม่   มีนักธุรกิจไม่น้อย ฝันทำธุรกิจของตนเอง
 
 
บทเรียนจากชีวิต โยเซฟ
โดย อาจารย์ คริส บราวน์    เมื่อวันอังคารที่ 26 มิถุนายน 2012   ชั้นสาวก
วันนี้พี่น้องไม่ได้เรียนวิชา ฮีบรู แต่ผมขอพูดเรื่องต้นตระกูลของคนฮีบรู
ปฐมกาส 37 บอกว่า ตอนโยเซฟอายุ 17 ปี เขาไปเลี้ยงสัตว์กับพวกพี่ชาย(2) พ่อรักโยเซฟมาก พวกพี่ชายจึงไม่ชอบโยเซฟ พูดดีกับเขาไม่ได้ (4) โยเซฟฝัน จึงไปเล่าความฝันให้พวกพี่พี่ฟัง พวกพี่ชายยิ่งเกลียดชังโยเซฟมากขึ้น เพราะโยเซฟเล่าว่า “ฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆ จะมาโค้งกราบฟ่อนข้าวของเขา (7) อีกครั้งหนึ่ง โยเซฟฝันและเล่าให้พวกพี่ฟังว่า ดวงดาว 11 ดวง ทั้งดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์จะมากราบไหว้เขา พวกพี่ยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีก (9) 
 
     2.พระเจ้าทรงประทาน ความฝันให้
          ข้อสังเกต    คือความฝัน   หรือนิมิต เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้เรา เราไม่ได้คิดขึ้นมาเอง โยเซฟรับความฝันนี้มาจากพระเจ้า 
3 ประการในการทดสอบความฝันนั้น ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่
เราถนัด หรือชำนิชำนาญหรือไม่   มีคนหนึ่งเห็น นักร้องหน้าเวที เขาร้องเพลงเพราะ เขาจึงบอกว่าเขาฝันเป็นนักร้อง เช่นคนคนนั้น แต่เสียงเขาไม่ไพเราะ ฟังแล้วเหมือนฆ้องแตก   ฝันอย่างนี้ไม่น่ามาจากพระเจ้า
 
 
เป็นพระพรแก่คนอื่นหรือไม่   มีนักธุรกิจไม่น้อย ฝันทำธุรกิจของตนเองให้ยิ่งใหญ่ แต่ทั้งหมดเขาทำ เขาเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยของตนองเท่านั้น ไม่เป็นพรแก่ใคร อย่างนี้ไม่น่าจะเป็นความฝันที่มาจากพระเจ้า
ถวายพระเกียรติหรือไม่   ความฝันที่มาจากพระเจ้า เป็นความฝัน ที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ไม่ใช่นำชื่อเสียงมาสู่ตน    เมื่อโยเซฟเล่าความฝันของตนให้พวกพี่ชายฟัง พวกพี่ๆอิจฉาเขา จับเขาขายไปเป็นทาส แล้วกลับมาหลอกพ่อว่า
สัตว์คงจะกัดกินลูกคนนี้ของพ่อ  
 
     3.ความฝันต้องมีการทดสอบ
        เมื่อเรามีความฝัน หรือนิมิต เรามักต้องพบการทดสอบ โดยปัญหา ปํญหาหรือความทุกข์ที่ประดังเข้ามาเป็นสิ่งที่พระเจ้ายอมให้เกิดเพื่อทดสอบความเชื่อของเรา เหมือนทองคำ เมื่อถูกความร้อนจะหลอมละลาย และสิ่งสกปรกจะถูกขจัดออกไป คริสเตียนบางคนพบความทุกข์ เคยชินกับความทุกข์ พอใจอยู่กับทุกข์จนกลายเป็นเลือดเนื้อของเขา อย่างนี้ก็ไม่ถูก ตรงกันข้าม คริสเตียนบางคน ฝันว่าตนเองจะไม่พบทุกข์เลย เมื่อพบความทุกข์ก็ร้องไห้คร่ำครวญ โวยวาย
โยเซฟพบความทุกข์ เผชิญความทุกข์    แต่ท่านไม่ท้อถอย   หรือทิ้งความฝันที่คนเคยมี       ยอห์น 16:33   พระเยซูตรัสว่า “ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว” 
 
 
เมื่อเราพบปัญหา เราต้อวมีความเชื่อ เมื่อเราพบการกดดั้นเราต้องยังคงฝันอยู่
          จงดูตัวอย่างของโยบ   ซาตานไปหาพระเจ้า ทูลพระเจ้าว่า จะขอฆ่าโยบ แต่พระเจ้าไม่ทรงอนุญาต สิ่งที่พระเจ้าอนุญาต คือ ยอมให้มาร เอาความทุกข์ยากมาให้โยบได้ โปรดสังเกตนะ พระเจ้าอนุญาตให้มารนำความทุกข์ยากมาให้เราได้ สำหรับโยบ แม้ท่านทุกข์ยากท่านก็ไม่เคยสาปแช่งพระเจ้า หากเรามิได้พบความเจ็บปวด เราจะไม่โต ดังนั้นเมื่อเราพบความเจ็บปวดเราต้องชื่นชมยินดี โยบพบความทุกข์ ภายหลังพระเจ้าทรงอวยพระพรโยบมากเป็นสองเท่าตัว จากที่ท่านเคยมีในอดีต
 
 4. เราถูกยกขึ้นเพราะความถ่อมใจ
           โยเซฟ ได้รับการยกย่องมากในบ้านของโฟทิฟาร์   โดยการที่โยเซฟปรนนิบัติ รับใช้ “โยเซฟรับใช้ถูกใจนาย นายก็ตั้งให้เป็นผู้ดูแลการงานในบ้าน และมอบทรัพย์สิ่งของทั้งปวงไว้ในความดูแลของโยเซฟทั้งสิ้น” (ปฐมกาล 39:4)    
         พระเยซูตรัสว่า “ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย” และพระองค์ถึงพระองค์เองว่า “บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา” (มัทธิว 20:26-28) การปรนนิบัติ การถ่อมใจ นำเราไปสู่ความยิ่งใหญ่ โยเซฟได้รับตำแหน่งใหญ่เพราะท่านถ่อมใจรับใช้ มีนักเรียนพีระคริสตธรรมจบใหม่ มาสมัครทำงานในคริสตจักร เขาฝันอยากเทศนา อยากจับไมโครโฟน แต่ศิษยาภิบาล มอบไม้กวาด หรือไม้มอบให้เขาไปถูพื้น บางคนอาจโวยวาย คนที่จะเป็นผู้นำต้องเรียรู้ การปรนนิบัติคนอื่นเสียก่อน โยเซฟมีหัวใจแห่งการรับใช้ เป็นหัวใจที่แตกต่างไปจากชาวโลก  
     ต่อมาโยเซฟ ติดคุกเพราะ ถูกใส่ร้ายจากภรรยาของโฟทิฟาร์ 
 
 5. ชีวิตย่อมมีขึ้นและลง
        เหมือนคลื่นในทะเล   บางทีเราอาจร้องว่า เราเคยตกต่ำมาแล้ว 
และเพราะการยอมตกต่ำ พระเจ้าทรงช่วยให้เราผงาดขึ้นมาใหม่ เอ้า! โยเซฟ เคยเป็นทาส เคยรับใช้ และได้รับรางวัลคือ ได้เป็นนายคน ทำไมท่านต้องกลับมาติดคุกอีก ทำไมเราต้องตกต่ำลงอีก อย่ายอมให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการตัดสินใจของเรา เราอาจโกรธ ท้อถอย โศกเศร้า อ่อนแรง แต่อย่าให้มันนำการตัดสินใจของเรา 
     อย่ามองแค่รางวัลฉาบฉวยที่มารนำมาล่อลวงเรา ในระยะเวลาสั้นๆ ตัวอย่างเช่น การเล่นการเล่นไพ่ ก็ล่อลวงด้วยการชนะพนัน    การรวยลัดก็ล่อลวงด้วยการรวยเร็ว ความขี้เกียจก็ล่อลวงด้วยความสบาย โยเซฟผ่านเรื่องนี้โดยการชนะการทดลอง เมื่อภรรยาของโฟทิฟาร์ชวนโยเซฟไปนอนด้วย โดยลวงให้เห็นว่าจะมีความสุข โยเซฟปฏิเสธ แต่ก็ลงเอยด้วยการถูกลงโทษ ขังคุก
        
          5.ยังคงรับใช้ แม้อยู่ในยามยาก
            โยเซฟไม่หยุดรับใช้ แม้ตนเองจะติดคุก โยเซฟแก้ความฝันให้แก่ พนักงานน้ำองุ่น และพนักงานขนมปัง คนแรกโยเซฟแก้ฝันว่าจะพ้นโทษใน 3 วัน แถมฝากบอกด้วยว่า เมื่อท่านพ้นโทษแล้วอย่าลืมโยเซฟ ส่วนพนักงานขนมปัง โยเซฟทำนายว่าจะถูกแขวนคอใน 3 วัน ทุกอย่างเป็นจริงตามคำแปลความฝันที่โยเซฟทำนาย   แต่ เมื่อพนักงานน้ำองุ่นพ้นโทษ เขาก็ลืมโยเซฟ โยเซฟต้องติดคุกต่อไปอีก 2 ปี เราได้รับบทเรียนจากโยเซฟว่า ไม่ว่าเราจะตกต่ำ หรืออยู่ในสภาพใด เราไม่ควรหยุดรับใช้ พระเจ้าจะดูแลเราเอง
 
    6. ความฝันเป็นจริง
    ปฐมกาล 41 โยเซฟออกจากคุก ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 
พระเจ้าให้กษัตริย์ฟาโรห์ ทรงพระสุบิน ความฝันนั้นไม่มีไม่มีปราชญ์หรือโหรคนใดแปลความฝันนั้นได้ ทำให้พนักงานน้ำองุ่นนึกถึงโยเซฟ เยเซฟถูกนำตัวออกมาจากคุก และโยเซฟก็แปลความฝันให้ฟาโรห์ว่า   7 ปีข้างหน้าแผ่นดินจะอุดมสมบูรณ์ แต่หลังจาก 7 ปีนั้นแล้ว จะเกิดการกันดารอาหารอย่างร้ายแรง   โยเซฟยังเสนอด้วยว่า พระองค์ควรหาใครที่มีปัญญามาบริหารจัดการเตรียมเสบียง ในเรื่องนี้ ฟาโรห์จึงเลือกโยเซฟ ตั้งท่านให้เป็นนายกรัฐมนตรี สูงสุดในอียิปต์ เป็นรองก็แค่ฟาโรห์เท่านั้น   โยเซฟบริหารจัดการให้มีการเก็บตุนธัญญาหารต่างๆ ทั่วแผ่นดิน ใน 7 ปี แรก พอถึง 7 ปีหลัง การกันดารอาหารรุนแรงมาก จนพวกพี่ชายพากันมาซื้อข้าวจากอียิปต์ พวกพี่จำโยเซฟไม่ได้ คุกกราบโยเซฟ ความฝันที่โยเซฟได้รับมาเมื่ออายุ 17 ปี เป็นความจริงเมื่อโยเซฟมีอายุ 30 ปี     กว่าฝันนั้น จะเป็นจริงใช้เวลานาน ถึง 13 ปี
 
  
          ที่สำคัญ คือความฝันที่มาจากพระเจ้าจะเป็นจริงเสมอ ขณะที่เรายังไม่ได้รับ เราต้องเชื่อ วางใจพระเจ้าต่อไป โยเซฟยกโทษให้พวกพี่ชาย ปฐมกาล 50:19-21 พวกพี่ชายกลัวโยเซฟแก้แค้นพวกตน แต่กล่าวว่า
         “อย่ากลัวเลย ..พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดีอย่างที่บังเกิดขึ้นนี้แล้ว คือช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก” 
 
 
 โรม 8:28 “เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์” 
 
 7. ในแผ่นดินของพระเจ้า ไม่มีความขมขื่น
          โยเซฟ เป็นแบบอย่างของคนที่ยกโทษคนที่ทำร้ายตน   การยกโทษตรงกันข้ามกับการแก้แค้น การไม่ยอมยกโทษนอกจากทำให้คนอื่นเจ็บแล้ว ตัวเราเองก็เจ็บด้วย ผมเคยทำงานกับบริษัทที่โกงเงินเดือน ก่อนออกมาผมยกโทษเขา และขอบคุณเขาในส่วนดีที่เขาทำกับผม เพื่อนของผมยังโกรธแค้น แม้กาลเวลาผ่านไป 5 ปีแล้ว เขาก็ยังไม่ลืม เขาเครียด ไม่มีความสุข
        โยเซฟ ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะเขาสัตย์ซื่อ และไว้วางใจพระเจ้า
 
 
 




 




 





Visitor 2937

 อ่านบทความย้อนหลัง