|
ความล้มเหลว ไม่ใช่จุดจบ
ศ.บ
“ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า” (ฟิลิปปี 3:13)
อย่าหยุดเพราะเคยล้มเหลว

หลายคนไม่กล้าทำอะไรอีกเพราะทำแล้วไม่สำเร็จ แต่ก็มีบางคนสู้ไม่ลดละ ไม่ยอมหยุดแม้ว่าตนเคยล้มเหลว
ซามูเอล จอห์นสัน กล่าวว่า “เราคงไม่ได้ออกแรงพยายามอะไรเลย ถ้าเราทำงานโดยไร้อุปสรรค” เราวางมือ แขวนนวม เลิกรา เพราะเห็นว่าสู้แล้วพ่ายแพ้ใช่ไหม ถ้าการสู้แล้วแพ้ ทำให้เราไม่กล้าเสี่ยงอีก เราก็คงไม่มีวันพบความสำเร็จอีกเลย การทีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์มิได้เป็นเครื่องประกันว่าท่านจะประสบความสำเร็จ
การเริ่มต้น คือ ก้าวแรกสู่ความสำเร็จ หลายคนท่ามกลางเรา มิอาจก้าวสู่จุดสูงสุด เพราะมิได้พยายามพากเพียงพอ หรือเพราะเรากลัวความล้มเหลว
เปาโล เป็นแบบอย่างที่ดี
(1) หลังเชื่อพระเยซู เซาโลพยายามประกาศ ที่ดามัสกัส แต่ท่านก็พบอุปสรรค หลังจากพยายามพิสูจน์ว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ คนยิวพยายามฆ่าท่าน จนในที่สุด พวกสาวกต้องให้ท่านนั่งในเข่งใหญ่ ผูกเชื่อกหย่อนลงจากกำแพงเมือง หนีออกมาในเวลากลางคืน
(2) ท่านล้มเหลวเมื่อพยายามพูดเรื่องพระเยซู ที่กรุงเยรูซาเล็ม ยิวพยายามฆ่าท่านอีก จนพี่น้องต้องส่งท่านกลับบ้าน (กลับไปยังเมืองทารซัส บ้านเก่าของท่าน)
(3) เมื่อเป็นมิชชั่นนารีครังแรก ท่านถูกไล่ออกมาจาก เมืองอันทิโอก ในแคว้นปิสิเดีย
(4) ที่เมืองลุทรา ท่านถูกพวกยิวเอาก้อนหินขว้าง คิดว่าท่านตายแล้ว จึงลากออกไปนอกเมือง แต่พระเจ้าให้ท่านรอดตาย
ก่อนออกไปเป็นมิชชั่นนารีครั้งที่สอง บารนาบัส พี่ฝ่ายวิญญาณแยกตัวออกไป
(5) ในการเป็นมิชชั่นนารีครั้งที่ 2 ท่านติดคุก ชั้นใน ที่ฟิลิปปี พร้อมกับซีลาส
(6) หลังจากประกาศในธรรมศาลา ท่านหนีออกมาจาก เธสะโลนิกา เพราะพวกยิวเอาอันธพาลมารังควาน
(7) ท่านถูกต่อต้านที่โครินธ์
(8) ในการเป็นมิชชั่นนารี ครั้งที่ 3 หลังจากอยุ๋ที่นั่น 3 ปี ท่านต้องออกมาเพราะฝูงชนขับไล่ จนเกิดความวุ่นวายมาก

ผมคงไม่ต้องร่ายยาว อุปสรรคที่ขวางกั้นงานของเปาโลไปมากกว่านี้ เพราะมีมากมายเหลือเกิน ไปอ่านรายละเอียดได้ใน 2 โครินธ์ 11:23-29
แต่ที่ผมแลเห็นคือ ในอุปสรรคที่เปาโลพบ มันมีความสำเร็จซ่อนเอาไว้ทุกจุด ทุกที่ เช่น มีคริสตจักรเกิดใหม่เป็ดดอกเห็ด มีผู้เชื่อเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นเป็นแสน คนเข้าใจพระเจ้ามากขึ้น จนหมอลูกาบรรยายว่า “พระวจนะมีชัย” มีสาวกทวีขึ้น ทุกเมือง ทุกแคว้นที่ท่านก้าวไป ตั้งแต่แคว้นกาลาเทีย มาซิโดเนีย อาคายะ จนถึงแคว้นเอเชีย แล้วเราจะนับอะไรดี เราจะนับความล้มเหลว หรือนับความสำเร็จ ที่สำคัญคือ เปาโลเป็นคนไม่เก็บ
เรื่องความล้มเหลวในอดีตมาทำให้ตนเองท้อถอย หรือเอาความสำเร็จมา นอนอิ่มอกอิ่มใจ แล้วพักหยุดงาน “ข้าพเจ้าลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย โน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า” ท่านมุ่งหน้าสู่อนาคต มุ่งหน้าสู่สิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้ท่านทำ
ผู้คว้าชัย คือคนที่เอาชนะอุปสรรค ส่วนตัวด้วย
เราต่างมีเรื่องส่วนตัวที่เป็นอุปสรรค ไม่มากก็น้อย
เปาโลมีอดีตที่ไม่ดีเลย ท่านข่มเหงคริสเตียน ท่านคือหัวโจกสำคัญที่ฆ่าสเตเฟน มัคนายกของคริสตจักร ซึ่งทำให้ท่านสำนึกเสมอว่า ในบรรดาอัครทูตทั้งหลาย ท่านคือผู้ต่ำต้อยที่สุด เพราะท่านเคยข่มเหงคริสตจักร
เปาโลอาจมีโรคประจำตัว ท่านเรียกมันว่าหนามในเนื้อหนัง ที่พระเยซูมิทรงรักษาท่าน ท่านเป็นคนพูดไม่คล่อง ติดอ่างหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

ผมอ่านเรื่องน้องเมย์ รักชนก อินทนนท์ ที่ก้าวขึ้นเป็นมือหนึ่งแบดบินตันของโลกเมื่อปี 2016 มาเป็นตัวอย่าง (ถึงวันนี้ เธอก็ยังคงแข่งขันต่อไป) น่ารักเชียว น้องเมย์ เกิดในครอบครัวยากจน แม่ขายทองหยิบฝอยทอง เมื่อถามถึงฐานะของเธอ เธออุทาน ออกมา “โห แต่ก่อนก็แทบจะหาเช้ากินค่ำมากกว่า แทบจะไม่ได้มีเงินเก็บหรืออะไร”
เธอเริ่มฝึกซ้อมโดยได้ไม้แบดมินตัน เก่า ๆ ที่เขาใช้แล้ว ใช้รองเท้านักเรียนเล่นแบ๖มินตัน แต่ในความยากจน เธอขยันฝึกซ้อม “เช้า หนูก็จะมีซ้อมตีห้าครึ่ง ซึ่งมันไม่ใช่ช่วงที่จะต้องมาตื่น บางทีไม่อยากซ้อมก็มี ถ้าพูดถึงว่าคนเราขี้เกียจไหมก็มีขี้เกียจบ้าง แต่ว่าต้องตื่นไปซ้อม แล้วซ้อมเสร็จก็ต้องไปโรงเรียน ตอนเด็ก ๆ ก็จะวนอยู่อย่างนี้”
กว่าจะก้าวไปถึงวันที่น้องเมย์ล้มแชมป์ได้ เธอผลัดกันแพ้ พลัดกันชนะในรายการต่าง ๆ นับครั้งไม่ถ้วน ที่สำคัญคือเธอไม่ยอมแพ้ ไม่เลิกรา

มีน้อยคนทราบว่า น้องเมย์ เป็น พาหะโรคซีด “ก็จริง ๆ แล้วหนูเป็น มีโรคส่วนตัว เป็นพาหะธาลัสซีเมีย (Thalassemia) ก็เลยทำให้อาจจะเหนื่อยง่าย” นี่คือคำให้สัมภาษณ์ของเธอ “ก็น้อยคนค่ะที่รู้ ก็ทำให้เรา การที่เราออกกำลังกายมันทำให้เราเหนื่อยง่าย เม็ดเลือดอะไรสักอย่างอะค่ะ (ขำ) มันทำให้เหนื่อยง่ายแล้วก็การที่เราออกกำลังกายมันก็อาจจะมีผล แต่ว่าถ้าพูดถึงมันก็ไม่เกี่ยวกับพาหะค่ะ มันเกี่ยวกับจิตใจเรามากกว่า ว่าเราจะสู้กับตัวเองได้ไหม” (https://www.thairath.co.th/sport/1647763)

คนที่ประสบความสำเร็จต้องพบความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ตามสถิติคนที่ประสบความสำเร็จต้องล้มเหลว 2 ใน 5 ครั้ง ว่ากันตามจริงก็ไม่แตกต่างกัน
ความจริงก็คือ
ประการแรก ก็คือ ทุกคนที่ทำงานต่างต้องพบความล้มเหลวทั้งนั้น
ประการที่สอง เราทุกคนต่างพบความล้มเหลวบ่อยๆ เรามิได้ล้มเหลวเพียงครั้งเดียว แล้วจะไม่ล้มเหลวผิดพลาดอีก แต่ความล้มเหลวเกิดขึ้นแทบทุกวัน
ประการที่สาม เราต่างล้มเหลวผิดพลาดจนถึงวันตาย ความตายเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เรามิผิดพลาดอีก แต่ผมรู้สึกว่าคนพยายามเดินย่องอย่างระมัดระวังให้ตนเองปลอดภัย และไม่ผิดพลาด

เราจะใช้ความผิดพลาด ช่วยให้เราเป็นคนดีขึ้นได้อย่างไร ?
(1) เราต้องสนใจที่น้ำพระทัย ไม่ใช่ ความล้มเหลว หรือ ความสำเร็จ
เปาโลไม่ติดอยู่กับอดีต ท่านมองอนาคตเสมอ มุ่งมั่นทำสิ่งที่พระเยซูทรงเรียก
(ฟิลิปปี 3:13)
(2) เราต้องเป็นมิตรกับความล้มเหลว
เปาโลคุ้นเคยกับความผิดพลาด ไม่ตกอกตกใจ ตื่นตนก และเมื่อประสบความสำเร็จ ท่านไม่หลงระเริง ท่านมองว่านี่คือส่วนหนึ่งของชีวิต (ฟิลิปปี 4:11-12)
(3) ให้ผิดเป็นครูสอนเรา
เปโตรเคยปฏิเสธพระเยซู ท่านเรียนรู้ว่าอะไรเป็นจุดอ่อน ที่ทำให้ท่านผิดพลาด “โดยทีท่านเป็นบุตรที่เชื่อฟัง ขออย่าได้ประพฤติตามกิเลสตัณหา ที่เกิดจากความโง่เขลาในกาลก่อน”
( 1 เปโตร 1:14)
(4) มองดูว่ามีอะไรดีขึ้นจากความผิดพลาด
พระเยซูทรงแลเห็น ความผิดพลาดของเปโตร แต่ทรงมองไปข้างหน้าว่าวันหนึ่ง หลังความผิดพลาดเช่นนี้ เปโตรจะลุกขึ้นมาชูกำลังพี่น้อง และก็เป็นจริงตามนั้น (ลูกา 22:32;1ปต 1:17)
(5) อย่ายอมแพ้ เพราะท่านพลาดพลั้ง
หลังเปโตรปฏิเสธพระเยซู เปโตรคงคิดว่าตนเองใช้การไม่ได้แล้ว แต่หลังการกลับใจ พระเยซู ทรงขอให้ท่านเป็นผู้ดูแลลูกแกะของพระเจ้า
( ยน 21:15)
(6) ก้าวต่อไป สู่ความสำเร็จ
เปาโลว่า เราได้แค่ไหนแล้ว ให้เราก้าวจากนั้นต่อไป (ฟป 3:16)
|
|
|