เปโตรมีกำลังขึ้นมาได้อย่างไร

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2008 (อีสเตอร์)

ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์

กิจการ 1:15
"คราวนั้นเปโตรจึงได้ยืนขึ้นท่ามกลางพี่น้องทั้งหลาย ซึ่งประชุมกันอยู่ มีรวมทั้งสิ้นประมาณ 120 คน"
เมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ เปโตรเปลี่ยนไปอย่างไร
วันนี้เราฉลองอีสเตอร์ คือวันที่พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นจากความตาย ความจริงเมื่อพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์มิได้ปรากฏแก่ใครเลยนอกจากพวกสาวก บุคคลภายนอกที่ไม่เชื่อพระเยซูทราบได้อย่างไร เพราะพระองค์มิได้ปรากฏกับเขา ทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกัน คนทั่วไปทราบได้อย่างไรว่าพระเยซูทรงเป็นขึ้นจากตายและทรงพระชนม์อยู่ คำตอบก็คือ ชีวิตของพวกสาวกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากความกลัว กลับกลายมาเป็นมาเป็นคนกล้าหาญที่ไม่กลัวแม้แต่ความตาย เปโตรเองก็เปลี่ยนไปอย่างน่าทึ่งที่สุด

ผมอยากเล่าเบื้องหลังความเป็นมาของเปโตร เปโตรเป็นสาวกที่ส่อแววการเป็นผู้นำมาตั้งแต่ต้น เมื่อพระองค์ตรัสถามว่า พระองค์คือใคร เขาเคยตอบพระองค์ว่า “พระองค์คือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” เปโตรเคยเดินบนน้ำทะเลไปหาพระเยซู เปโตรเคยบอกพระองค์ว่า “ข้าพระองค์จะไม่มีวันทิ้งพระองค์ แม้จะถึงแก่ความตายก็ตาม” แต่เมื่อพระองค์ถูกจับ อายัดไว้ เปโตรก็ปฏิเสธการเป็นสาวกของพระเยซู ถึง 3 ครั้งก่อนไก่ขัน เปโตรต้องละอายใจ โศกเศร้า และหวาดกลัวมาก เปโตรทำผิดมากกว่าสาวกคนอื่นๆ พวกสาวกไปขังตัวเองอยู่ในห้องชั้นบนที่หนึ่ง ซ่อนตัวจากพวกยิว พวกเขา โศกเศร้า หมดหวัง งุนงง เปโตรยิ่งกว่าคนอื่น คือปรับโทษตัวเอง ว้าวุ่น ในสภาพดังกล่าว เขาจะกลับฟื้นขึ้น เข้มแข็ง
มีกำลังใหม่เกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบก็คือ เขาพบกับพระเยซูที่ฟื้นขึ้นจากความตายนั่นเอง
 


ลองลำดับเหตุการณ์นะครับ พระเยซูทรงพบกับเปโตรหลายครั้งก่อนเสด็จสู่สวรรค์
(1) จากความหมดหวังสู่ความหวังใหม่
(ยอห์น 20:2-7)
เมื่อพวกผู้หญิงที่ไปยังอุโมงค์ฝังศพ ไม่พบพระศพ และได้ทราบข่าว จากทูตสวรรค์ว่าพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ พวกเขาก็รีบมาบอกพวกสาวกที่อยู่ในอาการขี้ขลาด หมดหวัง เปโตรและยอห์นก็รีบวิ่งไปที่อุโมงค์ฝังศพทันที เปโตรตื่นเต้นมาก เข้าไปในอุโมงค์ อีสเตอร์คือวันที่พลิกจากความกลัวสู่ความหวัง ทุกคนที่หมดหวัง ที่ท่านมีความหวังในทุกๆเรื่อง
(2) จากความเขลาสู่ความเข้าใจ
( ยอห์น 20:8 )
พระคัมภีร์กล่าวว่า เมื่อได้เห็นและเชื่อ เพราะว่า ขณะนั้นเขายังไม่เข้าใจข้อพระธรรมที่เขียนไว้ว่า “พระองค์ต้องฟื้นจากความตาย” พระเยซูเคยตรัสกับสาวกหลายครั้ง แต่พวกเขาไม่เข้าใจ การฟื้นคืนพระชนม์ เปิดตาสาวกจากความจริงของพระคัมภีร์
วันนี้ถ้าพระองค์มิไ้ด้ฟื้น พระคัมภีร์ก็คงเป็นหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง
ไร้ฤทธิ์เดช เรื่องนรกสวรรค์ และชีวิตหลังความตายก็คงเป็นนิยายสมมุติ แต่อีสเตอร์ทำให้คำเทศนามีฤทธิ์เดช

(3) จากการปรับโทษสู่การอภัย
(1โครินธ์ 15:5)
“ทรงปรากฏแก่เกฟา”
ไม่มีใครในช่วงนั้นเศร้าเท่ากับเปโตร เขาคงเสียใจ โทษตัวเอง
“ดูซิ พระอาจารย์ดีกับเราขนาดนี้ เราทรยศต่อพระองค์ได้อย่างไร”
เปโตรคงอยากแก้ตัวใหม่ถ้ามีโอกาสอีก แต่พระองค์วายพระชนม์เสียแล้ว พอพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ เปโตรดีใจเหมือนปลาได้น้ำ 1 โครินธ์ 15:5 เป็นที่เดียวที่บันทึกว่า พระเยซูได้พบกับเปโตรเป็นส่วนตัว ลองคิดซิว่าเปโตรจะพูดอะไรกับพระองค์ ผมคิดว่สิ่งแรก สิ่งเดียวก็คือการสารภาพบาป แล้วพระเยซูก็ทรงให้อภัยเปโตร
วันนี้หากเรามีบาป ทำผิด ให้เราทูลกับพระองค์ขอการยกโทษ พระองค์จะทรงอภัยท่าน แล้วท่านจะได้รับชีวิตใหม่
(4) จากความว้าวุ่น สู่ใจสันติสุข
(20:22)
“สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านเถิด พระบิดาใช้เรามาฉันใด เราใช้ท่านไปฉันนั้น” “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด”
พระเยซูทรงปรากฏกับสาวก 10 คนในคืนวันอาทิตย์ มีเปโตรรวมอยู่ด้วยแต่ไม่มีโธมัส และพระองค์ตรัสข้อความนี้ พวกเขาว้าวุ่นในจิตใจ ไม่รู้อนาคตของตนเอง แต่พระองค์ทรงประทานพระวิญญาณแห่งสันติสุขแก่เขา พร้อมส่งพวกเขาออกไปเป็นผู้รับใช้
วันนี้ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และตรัสแก่เราว่า “shalom” สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่าน

(5) จากคนที่โฉ่งฉ่าง สู่การเป็นคนที่มั่นใจในการทรงเรียก
(ยอห์น 21:1-19)
เรื่องนี้เกิดที่กาลิลี สาวก 7 คนรวทั้งเปโตรด้วยไปหาปลา เขาหาปลาไม่ได้
พระเยซูทรงประทับยืนอยู่บนฝั่ง สั่งให้เขาหย่อนอวนลงด้านขวามือ เขาหย่อนอวนลงและได้ปลาเป็นอันมาก ทันใดนั้นเปโตรก็จำได้ว่าเป็นพระเยซู
เขารีบขึ้นมาบนฝั่ง พระองค์ทรงเชิญชวนให้เขารับประทานอาหาร ทั้งขนมปังและปลา ที่นี่ พระเยซูได้ตรัสถามเปโตรว่า “ซีโมนบุตรโยนา เจ้ารักเรามากว่าสิ่งเหล่านี้หรือ” เปโตรตอบพระองค์ว่า “ข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ถามเปโตรอย่างนี้และเปโตรก็ตอบอย่างเดียวกันถึง 3 ครั้ง พระองค์ทำเช่นนี้ทำไม พระองค์ทรงปรารถนาให้เปโตรมั่นใจในการทรงเรียกของพระองค์ พระองค์ทรงฝากภาระการรับใช้ไว้ และท่านก็มั่นใจแต่วันนั้นมา เป็นไปได้ไหมที่ ท่านรับความรอดแล้ว พระเจ้าทรงอภัยท่านแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่มั่นใจในการทรงเรียกให้รับใช้ การฟื้นคืนพระชนม์สร้างความมั่นใจให้เรา
(6)จากคนสามัญ เป็นผู้นำกล้าหาญ
(กิจการ 4:13)
“เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่า ท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู”
จากวันนั้น เปโตรคือผู้นำของพวกสาวก เมื่อพระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ ทรงกำชับให้พวกสาวกรอคอยที่จะรับพระวิญญาณที่กรุงเยรูซาเล็มเสียก่อน ในวันเพนเตคศเต พระวิญญาณเสด็จมา เปโตรยืนขึ้นเทศนา ว่าพวกเขาได้ตรึงพระเมสสิยาห์ที่พวกเขารอคอย พวกเขากลับใจใหม่ มีคนเข้าเป็นสาวก 3000 คน เปโตรไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาถูกยิวจับไปขึ้นศาลสูง และพยายามจับผิด เรื่องการรักษาคนง่อยในพระวิหาร และเปโตรก็ตอบพวกยิวในสภาอย่างกล้าหาญ จนพวกเขาประหลาดใจ เปโตรคือผู้นำคนสำคัญในพระคัมภีร์ใหม่
วันนี้ เราพบพระเยซูหรือไม่ เมื่อเราพบกับพระองค์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นจากความตาย
เราจะไม่เหมือนเดิม เราจะไม่กลัว แต่กล้าหาญประกาศพระกิตติคุณ



You can find UK Swiss made copy breitling watches with Swiss movements online.

The Swiss movement uk replica rolex watches in discount on this website are suitable for men and women.
ไมเคิล กรีน ได้เปรียบเทียบคริสเตียนในคริสตจักรรุ่นแรก จากคริสเตียนในยุคปัจจุบัน 10 ประการน่าฟังมาก ดังนี้
1. การประกาศมาอันดับแรก
2. สงสารคน
3. ยืดหยุ่นในวิธีการ
4. พึ่งพระวิญญาณ
5. ไม่ขึ้นกับผู้นำมาก
6. ทุกคนเป็นพยาน
7. เน้นที่คน ไม่ใช่ อาคาร
8. เป็นพยานธรรมชาติ
9. ทำพร้อมกันหมด
10.ชีวิตเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดนี้เพราะเขาพบพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์
เราต้องเป็นคริสเตียนที่นำพระกิตติคุณไปสู่คนทั้งหลายอย่างคริสเตียนรุ่นแรก

Click ที่นี่เพื่อฟังคำเทศนา


Visitor 149

 อ่านบทความย้อนหลัง