แต่ท่านจะรับพระราชทานฤทธิ์เดช

วันเพนเตคศเต

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2008
ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์

กิจการ 1:8; 2:1-4
เพนเตคศเต เป็นเทศกาลที่มีมาตั้งแต่พระคัมภีร์เดิม เป็นเทศกาลฉลองการเก็บเกี่ยวผลแรกของชาวยิว เวลาคนยิวเขาได้รับพืชผลเป็นครั้งแรกก็โมทนาพระคุณ ด้วยการถวายธัญญบูชา และเครื่องเผาบูชา ซึ่งหมายถึง การถวายชีวิตเป็นข้ารับใช้ (อพยพ 23:16) เทศกาลนี้มีการฉลองกันเรื่อยมาทุกปี เมื่อพระเยซูทรงทำพระราชกิจ ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงยืนขึ้นที่กรุงเยรูซาเล็ม “ในวันสุดท้ายของเทศกาล ซึ่งเป็นวันใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนและประกาศว่า “ถ้าผู้ใดกระหาย ผู้นั้นจงมาหาเราและดื่ม ผู้ที่วางใจในเรา ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า แม่น้ำที่ธำรงชีวิต จะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น” ( ยอห์น 7:37-38 ) ยอห์นบรรยายว่า สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณ ซึ่งผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้รับ เหตุว่ายังไม่ได้ประทานพระวิญญาณให้ เพราะพระเยซูยังมิได้ประสบเกียรติกิจ ครับ อันนี้แน่นอน หมายถึง การวายพระชนม์ที่กางเขเพื่อไถ่โทษบาปนั่นเอง

เป็นอันว่า ภาพของวันเพนเตเคศเต ซึ่งถูกบรรยายไว้ล่วงหน้าก่อนถึงวันจริง คือ
พระวิญญาณ จะเสด็จมาสวมทับสาวกผู้เชื่อที่วางใจในพระองค์ ผู้ที่พร้อมถวายชีวิตเป็นข้ารับใช้ ผู้ที่จะมีผลมาถวายพระเจ้า เมื่อพระองค์เสด็จมาประทับในเราแล้ว เราจะเปี่ยมไปด้วยความยินดี เราจะมีชีวิตที่เป็นพระพรเหมือนธารน้ำไหล
 

หลังจากนั้นประมาณ 9 เดือนพระเยซูทรงวายพระชนม์ที่กางเขน ในเทศกาลปัศคา นี่ก็เช่นเดียวกัน เทศกาลปัศคา เป็นเทศกาลที่พระเจ้าทรงปกป้องชาวยิวครั้งที่อยู่ในประเทศอียิปต์ พวกเขารอดตายเพราะการเอาเลือดของลูกแกะมาทาที่ประตูบ้านในวันที่พระเจ้าลงโทษชาวอียิปต์ ทูตแห่งความตายจึงไม่ลงโทษบ้านที่มีเลือดทาที่หน้าประตูบ้าน พระเยซูทรงวายพระชนม์ในวันไถ่โทษ ที่ชาวยิวถือกันมาเป็นพันปี เช่นเดียวกับเรา ที่เป็นผู้เชื่อ
เมื่อเรากลับใจใหม่และเชื่อพระเยซู พระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาปของเรา
พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่ 3 หลังจากการวายพระชนม์ 40 วัน พระเยซูทรงกระทำ 2 สิ่งสำคัญกับพวกสาวก
(1)ทรงสำแดงพระองค์เองให้ปรากฏ แก่พวกสาวก คนเดียวบ้าง 2 บ้าง 7 คนบ้าง 10 บ้าง 11 คนบ้าง มีครั้งหนึ่งพระองค์ปรากฏแก่พวกสาวก 500 คน ในคราวเดียวกัน และครั้งหลังสุดพระองค์ทรงปรากฏแก่สาวก 120 คนที่ภูเขามะกอกเทศก่อนเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
(2) ทรงมีพระมหาบัญชาให้สาวกออกไปประกาศแก่คนทั้งหลายทั่วโลก ให้กลับใจใหม่ ทรงตรัสพระมหาบัญชาแก่พวกสาวกหลายครั้ง
ไม่มีสาวกคนใดสงสัยเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ และไม่มีสาวกคนใดสงสัยในพระมหาบัญชา ถึงกระนั้น พระองค์ก็ทรงกำชับพวกเขาว่าอย่าเพิ่งไปที่ไหน ให้รอคอยอยุ่ที่กรุงเยรูซาเล็มก่อน เพราพวกเขาจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือพวกเขา เพื่อพวกเขาจะเป็นพยานฝ่ายพระองค์ ตั้งต้นตั้งแต่เยรูซาเล็ม จูเดีย สะมาเรีย จนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก
ประเด็นสำคัญก็คือพวกเขาต้องรับฤทธิ์เดช แห่งพระวิญญาณก่อนออกไปรับใช้
ทำไมต้องรับฤทธิ์เดช?

(1)เพราะการนำวิญญาณเป็นงานยาก (ลูกา 18:27)
ผมเคยเป็นผู้แทนขายยา ผมเป็นพยานได้ว่า นำวิญญาณยากกว่าการเสนอขายยาให้แก่ลูกค้ามาก ครั้งหนึ่ง มีเศรษฐีคนหนึ่งมาหาพระเยซู ถามพระองค์ว่าทำอย่างไรจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์ พระเยซูตรัสว่า ถ้าท่านถือพระบัญญัติครบถ้วนท่านก็ได้ชีวิตนิรันดร์ เขาทูลตอบพระองค์ว่า เขาถือครบ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่ายังมีอีกข้อหนึ่ง คือจงไปขายทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ แจกให้แก่คนอนาถาแล้วติดตามพระองค์มา เศรษฐีคนนี้หน้าสลด จากพระองค์ไป พระองค์จึงทรงตรัสว่า “เศรษฐีจะเข้าในสวรรค์ก็ยากนักหนา ตัวอูฐลอดรูเข็มก็ยังง่ายกว่า” พวกสาวกจึงทูลถามพระองค์ว่า ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้ พระองค์จึงตรัสตอบว่า “สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้พระเจ้าทรงกระทำได้” ผมมีประสบการณ์ นำคนจนคนรวยก็ยากกันคนละแบบ เราต้องการฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ครับ
(2)เพราะเราไม่มีอะไรไปช่วยคนอื่น ( ลูกา 11:5-13 )
นี่เป็นเรื่องเล่าของพระเยซู มีชายคนหนึ่งมีเพื่อนมาพักที่บ้านเขาตอนกลางคืน และเขาไม่มีอะไรให้เพื่อนของเขารับประทาน เขาจึงไปขออาหารจากเพื่อนของเขาที่อยู่ข้างบ้าน ครั้งแรกเพื่อนปฏิเสธ บอกว่า มันเที่ยงคืนแล้ว พวกลูกๆก็หลับกันหมดแล้ว ไม่สะดวกลุกไปเอาอาหารให้ แต่เขาก็อ้อนวอนจนเพื่อนทนไม่ได้ ลุกขึ้นเอาอาหารมาให้ ตอนท้ายพระเยซูทรงสรุปว่า หากเราขอก็จะได้ หาก็จะพบ เคาะก็จะเปิดให้ พระเยซูทรงเปรียบเทียบว่า ลูกขอขนมปังจากพ่อ ไม่มีพ่อคนไหนเอาก้อนหินให้ลูก หรือลูกขอปลา ไม่มีพ่อคนไหนในโลกเอางูให้ลูก ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระบิดาผู้สถิตอยู่ในสวรรค์จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ทุกคนที่ขอจากพระองค์
คนที่ขอพระวิญญาณ เปรียบดังชายคนนี้ที่อยากช่วยเพื่อน ท่านเคยอยากรักษาโรคใครสักคนไหม ท่านเคยอยากหนุนใจเืพื่อนที่ท้อถอย และท่านไม่มีคำพูดไหม ท่านเคยเป็นครูที่แห้งเหือดในสมอง ขาดสติปัญญาไหม ท่านต้องมีพระวิญญาณ พระเจ้าจะทรงประทานให้แก่ท่านอย่างง่ายดาย เหมือนพ่ออยากให้สิ่งดีแก่ลูกของตน
(3)เพราะเราต้องการฤทธิ์เดชในการใช้ของประทาน
งานรับใช้ทุกอย่างต้องการฤทธิ์เดชในการทำการ ของประทาน แต่ละอย่างเปรียบเหมือน อุปการณ์ไฟฟ้าในบ้าน บางคนเป็นหลอดไฟส่องสว่าง บางคนเป็นเตารีดให้ความร้อน บางคนเป็นพัดลมให้ลมเย็น บางคนเป็นเครื่องแอร์ บางคนเป็นไมโครโฟนเป็นกระบอกเสียง ฯลฯ อุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ ไร้ประโยชน์ทันทีหากมิได้มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ทำนองเดียวกัน ของประทานทุกอย่างที่เรามี เช่น การหนุนใจ การสั่งสอน การรักษาโรค การเผยพระวจนะ การเผยแพร่ข่าวประเสริฐ การอภิบาลศิษย์ หากไม่มีพระวิญญาณก็ไม่มีฤทธิ์เดช เราก็หมดประสิทธิภาพคงเป็นแต่อุปกรณ์ประดับเท่านั้น
(4)เราต้องการพระิวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเอาชนะศัตรู ( มัทธิว 12:27-28 ) พระเยซู เปรียบเทียบ ว่า มารซาตานเป็นเหมือนผู้มีกำลัง ควบคุมชีวิตของคนให้อยู่ในอำนาจของมัน และตราบเท่าที่มันควบคุมอยู่ ใครก็เข้าไปช่วยคนนั้นไม่ได้ ผมเคยขับผี จากน้องผู้หญิงคนหนึ่งในประชุมอธิษฐาน เราต้องพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซู ตรัสว่า จนกระทั่งมีผู้มีกำลังมากกว่า จับคนที่เฝ้าเรือนนั้นอยู่เสียก่อน จึงจะเข้าไปช่วยคนที่อยู่ในบ้านนั้นได้ “แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว” (มัทธิว 12:28) พระวิญญาณมีฤทธิ์อำนาจเหนือมารอย่างแน่นอน ขอแนะนำหากท่านในการทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านจะต้อง
(1)อยากรับใช้
(2)เรารู้สึกว่าเราทำด้วยตนเองไม่ได้
(3)เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าสามารถ
(4)เราต้องทูลขอด้วยความเชื่อ


Welcome to cheapest AAA+ replica watches UK! Wish you find uk aaa rolex replica watches here!

Do not miss replica panerai watches for sale uk on this website that can help you save both money and time.

Click เพื่อฟังคำเทศนาที่นี่


Visitor 71

 อ่านบทความย้อนหลัง