ร่วมนิมิตกับพระคริสต์
คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2008
(วันพบหน่วย)

ศจ. สมเกียรติ กิตติพงศ์
นิมิตมีความสำคัญมากในการทำงาน พระธรรมสุภาษิต 29:18 กล่าวว่า “ที่ใดๆที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็ละทิ้งความยับยั้งชั่งใจเสีย” ภาษาเดิมว่า “ถ้าไม่มีนิมิต คนก็ถึงความพินาศ” น่าจะแปลความได้ดังนี้ว่า “หากนิมิต หรือภาระใจไม่เกิดในใจของผู้เชื่อ คนภายนอกมากมายก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ หรือต้องตกอยู่ในความพินาศ”
พระเยซูทรงมีนิมิตในการช่วยคนที่เข้ามาในโลก และพระองค์ทรงมีอย่างไร
1.ทรงทอดพระเนตรเห็นภาพสุดท้าย (มัทธิว 8:11)
“เราบอกพวกท่านว่า คนจำนวนมากที่มาจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะมาร่วมงานเลี้ยงกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในแผ่นดินสวรรค์” พระเยซูตรัสข้อความนี้เพราะทรงชื่นชอบ นายร้อย คนต่างชาติที่มีความเชื่อศรัทธาในพระองค์ พระองค์ตรัสตั้งแต่พระกิตติคุณยังไม่ได้ประกาศไปสู่คนต่างชาติ ณ วันนี้ คนที่มาเชื่อพระเยซูมีประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรกรโลก ซึ่งหมายถึงคนประมาณ 1,500 ล้านคน นิมิตย่อมเห็นภาพสุดท้ายก่อนเสมอ
 


2. ทรงเห็นความทุกข์ของคน (มัทธิว 9:35-36)
“พระเยซูจึงทรงดำเนินไปตามเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขาทั้งหลาย ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ทรงรักษาโรคและความเจ็บป่วยทุกอย่างให้หายและเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรฝูงชนก็ทรงสงสารเขาทั้งหลาย เพราะพวกเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง”
การแลเห็นความทุกข์เวทนาของคน เมื่อเราลงสนาม เป็นสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้กระตุ้นให้สาวกของพระองค์แลเห็นนิมิต ในพระทัยของพระองค์ พระองค์นำสาวกช่วยคนเช้าจรดเย็น รักษาคนป่วย ช่วยคนตาบอด หูหนวก คนง่อย คนอดอยาก คนที่ถูกเบียดเบียน คนผีเข้า พระคัมภีร์บอกว่า พระองค์ทรงสงสารเขา เขาเหมือนลูกแกะไร้ที่พึ่งถูกสุนัขป่าตามล่า

3. ทรงเห็นภารกิจที่จะต้องทำ (มัทธิว 9:37)
“แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกทั้งหลายของพระองค์ว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่” พระองค์ทรงมีพระประสงค์ช่วยคนทั้งหมด ในพระธรรม 2 เปโตร 3:9 กล่าวว่า “พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่” โป๊ะหน้า ร.พ.ศิริราช ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเคยล่ม ครั้งหนึ่ง มีคนรอขึ้นเรือจำนวนมากจมน้ำ หลายคนเสียชีวิต ทั้งชาย หญิงและเด็ก มีทหารเรือนายหนึ่งอยู่ตรงนั้น กระโดดน้ำลงไปช่วยคนจำนวนมากขึ้นมา เขาให้สัมภาษณ์ว่า เขาได้ช่วยสุดกำลังในเวลาอันจำกัด เราที่ช่วยคนทั้งหลายให้พบความรอดก็เช่นเดียวกัน เราต้องรู้สึกเป็นภาระเหมือนทหารเรือคนนี้ พระเยซูเห็นคนทุกข์แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมากนักหนา พระองค์ต้องการช่วยทุกคน

4. ทรงเห็นพระทัยพระบิดา (มัทธิว 9:38)
“เพราะฉะนั้นท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ทรงส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์” พระเยซูทรงทราบดีว่าพระบิดามีพระดำริอย่างไร พระองค์คือเจ้าของนา ข้าวที่ต้องเก็บเกี่ยวมีมากเกินกำลัง วันนี้เราทราบพระทัยพระเจ้าหรือไม่ พระองค์ทรงห่วงใยผู้คนเหล่านี้ มากแค่ไหน อย่างไร นิมิตมาแต่พระเจ้า

5. ทรงหันมาหาสาวก เลือกสรรเขา (มัทธิว 9:38-10:1-4)

พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนของพระองค์มา แล้วประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขาขับผีโสโครกออกได้ และทรงให้รักษาโรคและความเจ็บป่วยทุกอย่างให้หายได้ อัครทูต(แปลได้อีกว่า ผู้ที่ทรงใช้ไป) สิบสองคนนั้นมีชื่อดังนี้ คนแรกชื่อซีโมนที่เรียกว่าเปโตร กับอันดรูว์น้องของเขา ยากอบบุตรเศเบดี กับยอห์นน้องของเขา ฟีลิป และบารโธโลมิว โธมัส และมัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรอัลเฟอัสและเลบเบอัส ผู้ที่มีชื่ออีกว่าธัดเดอัส ซีโมนพรรคชาตินิยม และยูดาส อิสคาริโอท ที่ได้ทรยศพระองค์

นิมิตไม่มีประโยชน์แต่อย่างใดถ้าไม่มีการทำอะไรออกมาเป็นภาคปฏิบัติ พระเยซูทรงมีพระประสงค์จะช่วยคน ถ้าจะช่วยคนให้หมด ก็ต้องสร้างผู้นำ สร้างสาวก ให้เขาสามารถสืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ แม่พระองค์จะมีภารกิจมากมายแต่ละวัน พระองค์ก็คงยังต้องปั้นคนจำนวนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงเลือกคน 12 คนขึ้นมา การสร้างสาวก G12 เป็นวิธีช่วยคนจำนวนมาก หากคนคนหนึ่งมีพ่อหรือแม่ฝ่ายวิญญาณ และตัวของเขาเองก็ตั้งใจมีลูก 12 คน เราไม่ได้มีลูกทีเดียว 12 คน แต่เรามีทีละคนสองคน ให้เราเริ่มตั้งแต่วันนี้ แต่ผมก็บอกให้ ถ้าภาระใจ หรือนิมิตไม่มี เราก็จะไม่ทำ ให้เราร่วมนิมิตกับพระเยซูน่ะครับ
พระองค์ทรงเลือกสรรคนที่มีศรัทธาในพระองค์ คนที่สอนได้ คนที่วางใจได้ และเป็นคนที่ตั้งใจสร้างสาวก อย่าไปกลัว พระเจ้าจะช่วยท่านให้สำเร็จ ท่านรับเปล่าๆจงให้เปล่าๆ

All the models of replica cartier watches online uk are on stock.

Here, you can obtain the uk exact fake omega watches with high quality.
Clickที่นี่เพือฟังคำเทศนา


Visitor 145

 อ่านบทความย้อนหลัง