ยกพระคริสต์คือฤทธิ์การเพิ่มพูน
คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2008 (รอบเช้า)
ศจ. สมเกียรติ กิตติพงศ์

ยอห์น 12:34


การเกิดผล เป็นเป้าหมายที่พระเยซูทรงมอบให้คริสเตียนทุกคน และแท้ที่จริงก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ หลังจากพระเจ้าได้สร้างมนุษย์ชายหญิง พระองค์ก็ทรงอวยพระพร ตรัสว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน” (ปฐมกาล 1:28)
พระเจ้าทรงอวยพระพรอับราฮาม เมื่อตรัสสั่งให้ท่านออกมาจากเมืองฮารานว่า “เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า” (ปฐมกาล 12:2-3) อีกครั้งหนึ่งพระองค์ตรัสว่า “เราจะให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากอย่างยิ่ง” (ปฐมกาล 17:6) เกิดแล้วก็ต้องโต พระเจ้าทรงใฝ่ฝัน ให้เราเกิดลูกเกิดหลาน สืบพืชขยายพันธุ์ เรารู้ความจริงนี้มาตั้งแต่พระคัมภีร์เดิม
ครั้นมาถึงพระคัมภีร์ใหม่
พระเยซูทรงถ่ายทอดพระประสงค์นี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิม จากคำอุปมาหลายเรื่องของพระองค์ แต่ละเรื่องก็ล้วนสนับสนุนให้เรามีชีวิตที่เกิดผลทั้งสิ้น พระองค์ทรงเล่าคำอุปมา เจ้าของสวนไม่พอใจเรื่องต้นมะเดื่อไร้ผลจนถึงขั้นจะตัดทิ้งเสีย อีกครั้งหนึ่งพระองค์เคยสาปแช่งต้นมะเดื่อเพราะไม่มีผล พระเยซูทรงกล่าวคำอุปมา ชมเชยคนต้นเรือนที่ออกไปค้าขาย ได้กำไร ตรงกันข้ามสาปแช่งและริบเอาเงินคืนมาจากคนต้นเรือนที่เอาเงินสำหรับลงทุนไปฝังดินเสีย ไร้ผล ไร้กำไร ธรรมชาติของชีวิตคริสเตียนเหมือนต้นไม้ เหมือนเมล็ดพืชเพาะลงในดินแล้ว แม้ครั้งแรกดูเมล็ดพันธุ์จะเล็กกว่าเมล็ดอื่นๆ แต่พอโตขึ้นแล้ว ก็โตไม่หยุด โตขึ้นจนยิ่งใหญ่กว่าพืชทั้งปวง ที่มีกำไรอยู่แล้ว พระองค์หนุนให้มีกำไรยิ่งขึ้น ที่ออกผลอยู่แล้ว พระ องค์ก็ลิดแขนงให้ออกผลยิ่งกว่าเดิม ถึงเวลาแล้วที่ชีวิตของเรามีผลถวายพระเจ้า
1. ผลที่ว่านี้คืออะไร
ผลคือชีวิตที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น
มะม่วง ไม่ได้เป็นประโยชน์กับต้น แต่เป็นประโยชน์กับคน ความหวานมัน ทรงคุณค่าของผลมะม่วง เป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้ลิ้มรส ผลของพระวิญญาณ
 

ความรัก ความปรานี ความดีของคริสเตียน ใครได้สัมผัสก็ชื่นชม ผู้คนได้รับประโยชน์ ผมจำได้ มีลุงคนหนึ่งเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย เพื่อนฝูงญาติพี่น้อง เยี่ยมเยียนเขาอยู่สักครั้งสองครั้งก็เลิกรากันไปหมด เพราะทุกคนรู้ว่าไม่ช้าเขาก็จากไป แต่มีสตรีคริสเตียนคนหนึ่งไปหมั่นไปเยี่ยมเขา เธอปรนนิบัติเขา เฝ้าไข้เขาจนเขาจากไป มีคนถามเธอว่าเธอทำเช่นนี้เพราะอะไร เธอบอกว่าเพราะความรักของพระเจ้าที่มีต่อเธอ อย่างนี้มัหวานมันยิ่งกว่ามะม่วงครับ
ผลคือการเพิ่มพูนตัวของเรา
พระเจ้าทรงสร้างต้นไม้ให้ขยายพันธุ์ได้ นี่คือธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง พริก ข้าว มะพร้าว มะม่วง มะละกอ ฯลฯ ผลของมันสามารถนำไปเพาะปลูกแล้วขยายผลได้มากมาย คนเราก็เหมือนกัน เหตุผลประการหนึ่งของการสมรสของชายหญิงก็คือการมีบุตรธิดา ไม่ใช่เพื่อเพียงแต่ให้ทั้งสองมีความสุขในเพศสัมพันธ์เท่านั้น การเป็นคริสเตียนก็เช่นเดียวกัน พระเจ้าให้เรามีชีวิตใหม่ ไม่ใช่เพื่อเพียงให้เราได้รับความชื่นชมยินดี แต่เพื่อให้เราได้นำวิญญาณ และสร้างสาวก เราแต่ละคนต้องมุ่งมีลูกฝ่ายวิญญาณ คริสตจักรต้องทวีผู้เชื่อ ต้องเกิดคริสตจักรลูก



Both men and women are worth the 1:1 perfect fake cartier watches US online with cheapest prices and high quality.

The US cheap replica watches are suitable for both male and female wearers.
2. เราจะมีผลได้อย่างไร
1) การมีผล เป็นงานของพระวิญญาณ
พระเยซูตรัสถึงกิ่งที่ติดอยู่กับต้น โดยขยายความว่า พระองค์ทรงเป็นต้นและเราต่างก็เป็นแขนงที่ต้องสนิทกับพระองค์ ไม่มีกิ่งที่ไหนออกผลเองได้ ไม่มีคริสเตียนคนไหน สำแดงความรัก ความเมตตา การอดทน ทำความดี มีสันติสุขโดยไม่พึ่งพระวิญญาณ ไม่มีใครสามารถนำคนมาหาพระเจ้า สร้างสาวกโดยไม่อาศัยการชักนำของพระบิดา นี่ไม่ใช่เรื่องการค้าขาย การทำธุรกิจ แต่เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ ดร. ฟรานซีส เชฟเฟอร์กล่าว่า “งานของพระเจ้า ต้องทำโดยวิธีของพระเจ้า” เพราะพระองค์คือแหล่งแห่งฤทธิ์เดชและความสำเร็จ “เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านทำอะไรไม่ได้เลย”(ยอห์น 15:5) ทุกอย่างเริ่มต้นจากพระเยซู ถ้าพระองค์มิได้สำแดงความรักเมตตาวายพระชนม์ไถ่โทษบาปของเราแล้ว เราจะเอาพลังแห่งความรักที่ไหนไปเล่าให้คนฟัง แล้วใครจะฟังเรา ธรรมะของศาสนาไร้ฤทธิ์ นำใครไม่ได้หรอก นี่เป็นเหตุผล ที่พระเยซูตรัสว่า เมื่อเราถูกยกขึ้นจากโลกแล้วเราจะนำคนทั้งหลายมาหาเรา พระองค์ตรัสชัดเจนว่า การถูกยกขึ้นหมายถึงการถูกตรึงที่กางเขน
3. การมีผลเป็นงานของเรา เราจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อเกิดผล
(1) สนิทสนม
“จงเข้าสนิทในเรา”(ยอห์น 15:4) นี่คือคำสั่งที่ตรัสกับผู้เชื่อ เราต้องยึดมั่นในความรักของพระเจ้า(ยอห์น 15:10) การอธิษฐาน เข้าเฝ้า ไว้วางใจพระเจ้าเป็นสิ่งที่คริสเตียนแต่ละคนต้องมีเวลา มอบให้พระเจ้า
(2) เสียสละ
พระเยซูตรัสเรื่องการเสียสละชีวิตของตนเพื่อเกิดผลเช่นเดียวกันว่า “ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงไปในดินและเปื่อยเน่าไป ก็จะคงอยู่เป็นเมล็ดเดียว แต่ถ้าเปื่อยเน่าไปแล้ว ก็จะงอกขึ้นและเกิดผลมาก” (ยอห์น 12:24) สมัยที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตร ผมเคยปลูกข้าวโพดในวิชาเกษตรศิลป์ ผมนำเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเพาะลงในดิน นำต้นอ่อนมาปลูกลงในหลุม รดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย จนมันก็โตขึ้นเป็นต้นงามเชียว ไม่นานนักมันก็ออกฝักข้าวโพด ต้นหนึ่งก็ได้ข้าวโพดประมาณ 4-5 ฝัก ข้าวโพดฝักหนึ่งก็มีเมล็ดข้าวโพดเป็นร้อยเป็นพัน ลองคิดดูซิ ข้าวโพดเมล็ดเดียวให้ผลแค่ไหน แต่พระเยซูตรัสว่า จะเกิดผลได้เช่นนี้เมล็ดพ่อพันธุ์ก็ต้องยอม ยอมตาย ยอมให้ตนเองเน่าเปื่อยไป พระองค์ทรงทำเป็นแบบ และพระองค์ก็เชิญชวนให้เรายอมตามพระองค์ “ผู้ใดที่รักชีวิตของตนก็ต้องเสียชีวิต และผู้ใดชังชีวิตของตนในโลกนี้ ก็จะธำรงชีวิตนั้นไว้นิรันดร์ ผู้ใดจะรับใช้เรา ผู้นั้นก็ต้องตามเรามา” (ยอห์น 12:25-26) อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “จงถวายตัวของท่านเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่ อันบริสุทธิ์” นั่นแปลว่าเราจะไม่ทำตามใจตนเองอีก แต่จะทำตามน้ำพระทัย
(3) สรรเสริญ
“เมื่อเราถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลกแล้ว เราก็จะชักนำคนเป็นอันมากให้มาหาเรา” พระองค์ตรัสเช่นนั้นเพื่อสำแดงว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์อย่างไร” (ยอห์น 12:32-33)
“ถูกยกขึ้นจากโลก” ผมนึกถึงภาพที่เขาจับพระองค์ตรึงที่กางเขน ตอกตะปูที่พระหัตถ์และพระบาท และใช้เชือกดึงไม้กางเขนขึ้น ปักโคนไม้กางเขนลงในหลุม ไม้กางเขนถูกยกตระหง่านขึ้นให้คนทั้งหลายเห็น นั่นคือ
การวายพระชนม์ เพื่อการไถ่โทษบาป และแน่นอนนั่นคือเหตุที่ความรักของพระองค์เป็นที่ประจักษ์ในสายตาของชาวโลกทุกยุคทุกสมัย ไม่มีรักใดใหญ่กว่านี้ เมื่อพระกิตติคุณของพระองค์ประกาศไปที่ใดในโลก คนก็พากันมาเชื่อถือพระองค์
แต่ “การยกพระองค์ขึ้น” ยังหมายถึง การเทิดทูนยกย่องพระ องค์ของผู้เชื่อ เราเป็นหนี้พระคุณพระองค์เหลือล้น ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงแต่ละคนที่เข้ามาหาพระองค์ที่ผมรู้จัก เราเคยติดการพนัน หวยเบอร์ หมกมุ่นอยู่กับอบายมุข เป็นทาสเหล้ายาปลาปิ้ง สนุกสนานอยู่กับการเที่ยวไนต์คลับบาร์ เถิดเทิง จมปลักอยู่ในวัตถุนิยม และกามารมณ์ แล้ววันหนึ่งโดยไม้กางเขน พระองค์ก็ทรงฉุดเราออกมา บางคนเคยเจ็บป่วยจนรักษาไม่ได้ พระองค์ก็ทรงบำบัดรักษาเรา บางคนเคยถูกมารเบียดเบียน อยู่ในความหวาดกลัวอำนาจของเวทย์มนต์ แล้ววันหนึ่งพระองค์ก็ทรงปลดปล่อยเราออกมาอย่างอัศจรรย์ เราไม่เทิดทูนสรรเสริญพระองค์แล้วจะสรรสเสริญใคร การเป็นพยานกล่าวถึงพระกรุณาคุณของพระองค์ เป็นเหตุให้คนมาหาพระเจ้า อย่าเงียบ อย่าปิดปากของท่าน
เมื่อเรารับใช้พระเจ้าด้วยของประทาน ทุกอย่างก็เกิดผลมาแต่พระองค์ ผมเองไม่เคยเป็นครู และไม่เคยคิดจะเป็นครู ถ้าผมคิดทำงานครูผมคงเลือกเรียนครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ไปแล้ว แต่พอผมพบพระองค์
พระเจ้าให้ความสามารถในการสอนแก่ผม มันไม่ใช่ความสามารถของผม แต่มันเป้นของพระเยซู พระองค์คือผู้ประทานของประทานเช่นนี้ให้ พี่น้องหลายคนขับผีออก วางมือคนป่วยหาย หนุนใจเก่ง เลี้ยงลูกแกะได้ดี บางคนทำการอิทธิฤทธิ์ได้อย่างน่าทึ่ง ความสามารถเหล่านี้มาแต่ไหน ท่านไม่ยกย่องสรรเสริญพระเยซู แล้วท่านจะสรรเสริญใคร การเทิดพระเกียรติของพระองค์จากใจ ไม่ว่าในการนมัสการ หรือคำพยาน เป็นการเปิดโอกาสให้พระเยซูชักนำคนทั้งหลายมาหาพระองค์

ปีนี้คริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพ ฉลองครบรอบ 39 ปี พระเจ้าทรงมีพระกรุณาอวยพระพรให้เราผ่านอะไรมามาก แต่โดยพระคุณ ผมเชื่อว่าเรายังจะก้าวไปข้างหน้าอีกไกล อย่าลืมการใช้ชีวิตให้เกิดผลอย่างพระเยซูนะครับ นั้นคือการเสียสละ การเป็นพยานถึงพระกิตติคุณของพระองค์ และการยกย่องเทิดพระเกียรติของพระองค์ แล้วคำสัญญาของพระองค์ที่ว่า พระองค์จะชักนำคนทั้งหลายมาหาพระองค์ก็จะเป็นความจริง

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
ขออภัย ไม่มีเสียงคำเทศนา (ขัดข้องทางเทคนิก)


Visitor 62

 อ่านบทความย้อนหลัง