ความรักไม่ฉุนเฉียว
Love is not easily angered

1 โครินธ์ 13:5

ศิษยาภิบาล

ถ้าพูดอย่างนี้กับชายหนุ่มที่กำลังตกหลุมรักหญิงสาว พ่อหนุ่มคนนี้ต้องหัวเราะ มีหรือผมจะฉุนเฉียวเธอ เพราะเธอช่างน่ารักไปหมดทุกอริยะบท
นัดเธอไว้ว่าจะไปคุณยายที่โรงพยาบาล เอาดอกไม้ช่อหนึ่งไปให้ เสร็จแล้วจะไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารในห้างใกล้โรงพยาบาล

นัดกันที่ป้ายรถเมล์ปากซอยตอน 4 โมงเย็น

พ่อหนุ่มไปรอตั้งแต่ สามโมงสี่สิบห้า 4 โมงไม่เห็นเธอ 5 โมงก็ยังไม่เห็นเธอ โทรก็ไมโทร Message ก็ไม่มี พ่อหนุ่มเดินไปเดินมาหลายรอบ พยายามโทรศัพท์ไปมือถือก็ปิด จะไปเสียก็เกรงว่าเธอจะมาแล้วไม่พบ งุ่นง่านใจ คิดไปต่างๆนานา 6 โมงแล้วเธอก็ยังไม่โผล่หน้ามา จนกระทั่ง 6 โมงเกือบหนึ่งทุ่ม เธอผิดนัดสองชั่วโมงกว่า ยังแถมดอกไม้สำหรับเยี่ยมคุณยายที่เธอสัญญาว่าจะเป็นคนจัดหามาเอง เธอก็ไม่มีมา
ธอกระหืดกระหอบ บอกอยู่ไม่กี่คำ “โทษทีติดเรื่องเคลียร์งานกับน้อง และแบตหมดพอดี เลยมาช้าไปหน่อย ไม่โกรธนะ” พ่อหนุ่มมองดูหน้าสาว แหมเธอช่างงาม น่ารักไม่เสื่อมคลาย ที่เหงื่อไหลไคลย้อยที่ใบหน้าก็ยังงามและดูดีไปหมด เรื่องชวนให้ฉุนมันละลายความรู้สึกไปหมดราวกับขี้ผึ้งโดนไฟ

พ่อหนุ่มยิ้มละไมตอบเธอ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ เรื่องดอก ไม้เดี๋ยวผมจัดการให้ ไปซื้อเอาในโรงพยาบาลก็ได้ แพงสักหน่อยก็เป็นไรไป” เธอยิ้มหวานให้นิดนึง เรื่องก็จบหมดทุกอย่าง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ความรักไม่ฉุนเฉียว คนไทยนี่เก่งเชียว เขียนภาษิตไว้ว่า “ยามเอ๋ยยามรัก น้ำต้มผักที่ขม ชมว่าหวาน” อาจารย์เปาโลกกล่าวว่า “ความรักช่วยปกปิดความผิดไว้ได้ทั้งหมด”
คู่นี้แต่งงานกัน สิบปีผ่านไปได้ลูกอันเป็นอนุสรณ์รัก 2 ใบ เอ๊ย สองคน
วันหนึ่ง สามีฝากให้ภรรยาไปรับลูกคนเล็กที่โรงเรียนชั้นประถม 2 แทน เพราะวันนั้นสามีติดแขกที่บริษัท ไปรับลูกตอนเย็นก่อนกลับบ้านไม่ได้ โรงเรียนเลิก 3 โมงครึ่งตอนเย็น เธอรับปากเสียดิบดี แต่เธอออกมาจากบ้านไม่ได้เร็วดังคาด เพราะน้องสาวโทรมาปรึกษาปัญหาครอบครัวพอดี กว่าจะออกจากบ้านและไปถึงโรงเรียนก็ปาเข้าไป 5 โมงครึ่ง รถติดกว่าจะถึงบ้านก็มืด ลูกรออยู่ที่โรงเรียนทั้งเพลียทั้งหิว สามีมาถึงบ้านก่อนรออยู่ที่บ้านแล้ว พอเธอมาถึงเท่านั้นก็ถูกสามีซัดเข้าให้เป็นชุด โมโห เกรี้ยวกราด ยังดีที่ไม่ลงมือลงไม้ สับเธอตั้งแต่ญาติ จนถึงนิสัยใจคอ ยาวไกลไปงัดประวัติเก่าก่อนที่เคยเก็บใส่ลิ้นชักออกมาเล่าขานให้ได้ยินใหม่ ภรรยาทั้งขอโทษขอโพย ทั้งอ้างเหตุผลว่าที่ต้องเสียเวลาก็เพราะน้องสาวเขามีปัญหาจริงๆ เล่าปัญหาเขาไปร้องไห้ไป ผละออกมายังไงก็ไมได้” ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดอย่างไรก็ดับไฟในใจสามีไม่ได้ ภรรยาถามมาคำหนึ่ง “คุณยังรักฉันอยู่ไหม” สามีสวนทันควัน “ รักเหรอ ถ้าคุณทำตัวดีมีเหรอผมจะไม่รัก ทำตัวอย่างนี้รักได้ยังไง” ความรักไม่ฉุนเฉียวไม่หยาบคาย ความรักทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของเขา ทวนกลอนภาษิตไทยอีกที

  • “ยามเอย ยามรัก
    แต่น้ำต้มผักขมชมว่าหวาน
  • ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
    แม้น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล”

    าเลนไทน์ปีนี้ผมขอฝากประเด็นนี้กับพี่น้องทุกคน ยามดีๆ หวานๆ สบาย ๆ เงินพร้อม สตางค์คล่อง อาหารบริบูรณ์ แอร์เย็นฉ่ำ ร่างกายวังชาอะไรๆก็สุขสบายไปหมด ไม่มีใครจะฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดกับใครหรอก แต่ยามอะไรๆก็ขาดท้องกิ่ว หิวข้าว หนาวกาย อายคน จนตรอก บอกศาลา ล้าหลังพลังหมด ลดสปีด นี่ซิ อาการโกรธจะออกมา ดังนั้น ขออย่าลืมนะว่า “ความรัก ไม่ฉุนเฉียว” ฝรั่งนี่ช่างพูดจริง เขาว่า “ความรักคือ การที่ภรรยาอมยิ้มละไม เวลาที่เธอเพิ่งเช็ดบ้านเสร็จ และสามีของเธอเดินเข้ามาในห้องรับแขกด้วยรองเท้าบูท เปื้อนขี้โคลน ย่ำลงไปบนพื้น เธอเข้าไปถอดเสื้อนอก และนำรองเท้าบูธ ไปเก็บที่ที่วางรองเท้า ถามทุกข์สุขของสามี ขณะเธอเอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดพื้นที่เปื้อนห้องรับแขกโดยไม่บ่นสักคำ”

    สุขสันต์วันแห่งความรัก


  • Visitor 103

     อ่านบทความย้อนหลัง