บทเรียนจากถิ่นทุรกันดาร

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2009
คุณเชษฐ์ชัย นรเศรษฐ์ศรีสุข

อพยพ 16:1-14,11-21,26-31,35
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ วันเวลาเปลี่ยนไป แต่ความรักของพระองค์ดำรงอยู่อย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง หลายคนบ่นกับสถานการณ์ว่าทุกวันนี้ย่ำแย่ ตอนคนอิสราเอลอพยพไปประเทศอียิปต์พวกเขามีเพียง 70 คน พวกเขาอยู่ที่นั่นนาน 430 ปี พระเจ้าทรงอวยพระพรคนอิสราเอลให้มีพงศ์พันธ์มากขึ้น ทำให้คนอียิปต์ไม่กล้ากดขี่ข่มเหง ในความยากลำบากพระเจ้าให้เราคร่ำครวญกับพระองค์ พระเจ้าจึงทรงนำให้คนอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ เรื่องนี้เปรียบเทียบได้กับ พระเจ้านำเราออกจากอำนาจของมารซาตาน พระเจ้านำเราโดยมีเสาเมฆในเวลากลางวัน และเสาเพลิงในเวลากลางคืน พอมาถึงทะเลแดงฟาโรห์ให้คนอียิปต์ตามมา พระเจ้าทำการอัศจรรย์แหวกทะเลแดง คนอิสราเอลเดินทางไปอย่างปลอดภัย พ้นทะเลแดง มาถึงตำบลมารา (น้ำขม แต่พระเจ้าให้น้ำดื่มได้ ) มาถึงถิ่นทุรกันดารสีน ลำบาก ไม่มีอะไรกิน ปกติอยู่อียิปต์ อุดมสมบูรณ์
ผมขอฝากบทเรียน 7 ประการ แต่วันนี้ขอพูดถึงเพียง 2 ประการก่อน
1) อย่าบ่น (อพยพ 16:2-3)
ชุมนุมชนชาติอิสราเอลทั้งปวงก็ พากันบ่นต่อโมเสสและอาโรนในถิ่นทุรกันดาร คนอิสราเอลกล่าวแก่ท่านทั้งสองว่า “พวกข้าพเจ้าตายเสียด้วยพระหัตถ์ของ พระเจ้าตั้งแต่อยู่ในประเทศอียิปต์ ขณะเมื่อนั่งอยู่ใกล้หม้อเนื้อและ รับประทานอาหารอิ่มหนำจะดีกว่า นี่ท่านกลับนำพวกข้าพเจ้าออกมาในถิ่นทุรกันดารอย่างนี้ เพื่อจะให้ชุมนุมชนทั้งหมดหิวตายเท่านั้น”

อิสราเอลบ่นกับพระเจ้า พระองค์นำชีวิตการเป็นทาสสู่การเป็นไท เวลาพบความอดอยาก แต่พระเจ้าทำสิ่งที่เหนือธรรมชาติ แต่อิสราเอลคิดว่าพึ่งตัวเองได้ (ข้อ 8) พระเจ้าประทานเนื้อให้รับประทาน เวลาเช้ามีอาหารรับประทานจนอิ่ม
แทนที่เราจะบ่น เราควรอธิษฐานถึงพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาว่า
“จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน 8เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตร เมื่อเขาขอขนมปัง หรือให้งูเมื่อบุตรขอปลา เหตุฉะนั้น ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาป ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์” ( มัทธิว 7:7-11)
พระเจ้าอยู่กับเราเสมอไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร?
2) อย่าเกียจคร้าน
เราต้องขยันตื่นแต่เช้า อย่างมีวินัย ตรงต่อเวลา
(อพยพ 16:4) แล้วพระเจ้าได้ตรัสกับโมเสสว่า “ดูเถิด เราจะให้อาหารตกลงมาจาก ท้องฟ้าดุจฝนสำหรับพวกเจ้า ให้ประชาชนออกไปเก็บทุกวัน พอกินเฉพาะวันหนึ่งๆ เพื่อเราจะได้ลองใจว่า เขาจะปฏิบัติตามโอวาท ของเราหรือไม่
เราต้องเป็นคนมีระเบียบ มีวินัย พวกอิสราเอลต้องเก็บมานาทุก ๆ เช้า พอสาย อาหาร จะละลายไปไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี (21) การตื่นแต่เช้า ทำให้สุขภาพดี สดชื่น แต่เราต้องนอนเร็ว ถ้าเรา
นอนดึก เราจะตื่นสาย ผลก็คือสุขภาพของเราไม่ดี หากคนยิวตื่นสาย มานาที่ตกลงมาตอนเช้าจะละลายหมด กันดารวิถี 11:7-8 “มานานั้นเหมือนเมล็ดผักชี สีเหมือนยางไม้ตะคร้ำ ประชาชนก็เที่ยวออกไปเก็บมาโม่หรือตำในครก และใส่หม้อต้มทำขนม รสของมานาเหมือนรสขนมคลุกน้ำมัน”

ลักษณะของมานา
นำมาต้ม แม้จะร้อนก็ไม่ละลาย แต่แปลกเมื่อโดนแดดมันจะละลาย แสดงว่าอยู่ที่เวลา พระเจ้าสอนให้เราขยัน ตื่นแต่เช้า มีวินัย ทุกวันนี้ บางหน่วยงานลดค่าใช้จ่าย เพื่อความอยู่รอด ต้องทำงานมากขึ้น คนที่ตื่นส่าย หมดเวลาในการทำงาน พระเจ้าต้องการสอนเราให้ทำงานมากขึ้นขยันมากขึ้น คนขยันมักได้รับการตอบสนองในข้อดีเสมอ

ส่วนข้ออื่นๆ จะแบ่งปันคราวต่อไป
Click เพื่อฟังคำเทศนาที่นี่
Visitor 411

 อ่านบทความย้อนหลัง