มีเสน่ห์อย่างพระเยซู

โดย  ศบ.

             ในการเลือกสาวกชุดแรกของพระเยซู  ที่เบธาบารา  ในยอห์น 1:35-51 มีสาวก 5  คน ซึ่งภายหลังก็ถูกคัดเข้ามาเป็นสาวก 12 คนของพระองค์ คือ (1)แอนดรูว์ (2)ยอห์น (3)ซีโมน เปโตร (4)ฟิลิป และ (5)นาธานาเอล   ผมทึ่งมากที่พระองค์ เรียกพวกเขา  และเขาติดตามพระองค์ไป 

               ผมสนใจว่าพระองค์มีมนต์ขลังอะไร  ถึงได้ดึงดูดใจคนที่พระองค์เรียก ให้ติดตามพระองค์ได้ปานนั้น  พระธรรมยอห์น ตอนนี้ได้เปิดเผย พระลักษณะพระองค์บางประการ

            1.  ชื่อเสียง  

                พระเยซูมีชื่อเสียงดี  สองคนแรกที่ติดตามพระเยซูไป  คือ ยอห์น  และแอนดรูว์  สอง  คนนี้เป็นสาวกของยอห์นผู้ให้บัพติสมามาก่อน  ยอห์นเป็นผู้รับใช้ที่พระเจ้าเรียก  เป็นนักเทศน์ไฟแรง  พูดจาขวานผ่าซาก เป็นคนมีศีลธรรม คนแห่จากในเมืองมาฟังยอห์น   ยอห์น เชียร์พระเยซูมาตลอด  ยอห์นแจงว่า พระองค์ยิ่งใหญ่กว่าท่านราวฟ้ากับดิน  ท่านให้บัพติสมาได้แค่ในน้ำ  แต่พระองค์จะให้บัพติสมาโดยพระวิญญาณ   พอพระองค์มา  ลูกศิษย์ 2 คนของยอห์นซึ่งศรัทธาพระเยซูจากคำบอกเล่า  ก็ติดตามพระองค์ไป     ปกติ  คนเราศรัทธาใครสักคน  คนคนนั้นต้องเป็นคนดี  และถ้าเราจะเชื่อคำแนะนำใคร  ผู้แนะนำเอง ต้องเป็นคนดีที่เชื่อถือได้  ผมจึงสรุปว่า  ถ้าเราอยากเป็นคนมีเสน่ห์  เราต้องรักษาชีวิตให้ดี  ชีวิตดีแล้ว ไม่ต้องไปทำ PR โฆษณาตัวเองหรอก คนดีเขาจะแนะนำกันไปเอง

       2. ความมั่นใจ

          พระเยซูทรงมั่นในพระทัย  พระเยซูทรงรับลูกอย่างรวดเร็ว  เห็นสองคนนี้ตามมา  ก็ทรงเหลียวหลัง  ถามว่า “ท่านหาอะไร”  ทั้งสองทูลว่า “หาพระอาจารย์  ท่านอยู่ที่ไหน”  พระองค์ตรัสว่า “จงมาดูเถิด”  พระองค์เป็นฝ่ายเริ่ม  พระองค์ทรงเป็นฝ่ายชักชวนด้วยมั่นในพระทัย  พระเยซูทรงเป็นผู้นำ พระองค์มีนิมิตชัดเจน ไม่มีใครอยากติดตาม  คนที่ไร้ทิศทาง  ไร้เป้าหมาย  ไม่รู้ว่าตนเองจะทำอะไร  ตั้งแต่พระองค์ยังมิได้เริ่มพระราชกิจ  แต่พระองค์ทรงทราบว่าพระองค์มีพระประสงค์เข้าในโลกนี้เพื่ออะไร  ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง  คนอังกฤษเทคะแนนให้ นายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล เพื่อต่อสู้กับกองทัพนาซี  ของฮิตเลอร์ สุดหัวใจ  ก็เพราะเชอร์ชิล ชูสองนิ้ว  เป็นรูปอักษรตัว V มาจากภาษาอังกฤษ Victory แปลว่า  “ชัยชนะ”  แม้ศึกจะหนัก  แต่ท่านมั่นใจว่าชนะแน่  วันนี้  เรามั่นใจในพระเจ้า  มั่นใจในทิศทางที่เรากำลังดำเนินไปหรือไม่ 

        3.พร้อมมอบตัวให้

           พระองค์ทรงชักชวนทั้งสองคน  ให้ไปยังที่ที่พระองค์ทรงพำนัก  พระองค์มิได้พูดแต่ปาก  แต่พระองค์พร้อมทุ่มเทชีวิตให้  เรียกว่า  “ลงไปทั้งตัว”  พระองค์พร้อมช่วยเหลือเขา  นำเขา  ใช้เวลากับเขา  ถึงไหนถึงกัน   พระองค์มิได้แสดงแค่ความเป็นมิตร (Be  friendly)  แต่ทรงเป็นเพื่อนของพวกเขา (Be friend) เพื่อน คือคนที่ลงไปนั่งในที่นั่งของพวกเขา  อยู่กับเขา  ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา  คนเราอ่านความเต็มใจของคนออก ไม่ยาก  ว่าเขาพร้อมทุ่มเท ลงทุนลงแรงกับเราหรือไม่  พระองค์ไม่เคยกลัวเปลืองตัว  ในการช่วยคน  และนี่คือเสน่ห์ของพระเยซู  เราต้องเรียนบทเรียนนี้จากพระเยซู

         4. คาดหวังสิ่งดีในตัวคน

            หลังจากแอนดรูว์  ตื่นเต้นเมื่อพบพระเยซู  ก็ไปชวนซีโมน พี่ชายมาหาพระเยซู  นี่เป็นระบบปากต่อปาก น้องนำพี่  พี่นำน้อง  ซึ่งเราควรใช้  ซีโมน  ชื่อนี้ของเขาแปลว่า ต้นอ้อ  คงจะเป็นตามนิสัยเขา  คือ

ไหวตามลม  ใช้ชีวิตไม่เป็นเรื่องเป็นราว    พระเยซูมองดูซีโมน  แล้วตั้งชื่อให้เขาใหม่ว่า “เกฟา”  แปลว่า ศิลา  พระองค์ทอดพระเนตรเห็นว่า  เขา แข็งแกร่งดังศิลา  มั่นคงดั่งหิน  เวลาเรามองดูคน  เรามองอย่าง   พระเยซูไหม  เรามักมองเห็นสภาพปัจจุบัน หรืออดีตของเขา  เขาแย่  เขาใช้ไม่ได้  ในอดีตเคยผิดอย่างนั้นผิดอย่างนี้   ดังนั้น  อนาคตย่อมดีไม่ได้  คนมีเสน่ห์ต้องเป็นคน มองเห็นเพชรในตม  มองเห็นทรัพย์ที่ซ่อนไว้  มองเห็นศักยภาพของคน 

      5.  มีชีวิตตามพระคำ

           พระเยซูทรงเสด็จมาพบฟิลิปด้วยพระองค์เอง  ตรัสกับเขาว่า   “จงตามเรามา” แล้วฟิลิปก็ติดตามพระเยซูไป  พระคัมภีร์มิได้บอกเหตุผลว่า  เขาตามพระองค์ด้วยเหตุผลใด  อาจเป็นเพราะอิทธิพลของเพื่อน คือแอนดรูว์กับซีโมน คนบ้านเดียวกัน  แต่ต่อมาเมื่อฟิลิปไปชวน นาธานาเอล เพื่อนของเขา ฟิลิปกล่าวว่า  พระองค์คือบุคคลที่โมเสส และผู้เผยพระวจนะกล่าวถึง  ฟิลิปนี่รู้พระคัมภีร์  และรู้ว่า พระองค์เป็นบุคคล ตามพระคัมภีร์  ผมไม่หมายความว่าเราคือพระเมสสิยาห์  หรือ พระคริสต์ แต่คนต้องเห็นเราว่า นี่คือ “คริสเตียน”  บุคคลผู้ใช้ชีวิตตามพระเยซู และตามพระคัมภีร์   คนที่เดินตามพระคัมภีร์  ถ่อมใจ  มั่นใจ  สุภาพ  มีฤทธิ์เดช  มีศีลธรรม  น่ารัก  แล้วอย่างนี้ จะไม่มีเสน่ห์ได้อย่างไร

       6. มองคนด้านดี

          นาธานาเอล  ฟังคำบอกเล่าของฟิลิป  ก็ปรามาสพระองค์ตั้งแต่ได้ยิน  “สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ”  ถ้าเป็นเรา  เวลาใครมาดูหมิ่น ปรามาส  เราก็จะออกอาการโกรธ  อาจดูถูกเขากลับไปด้วย  ว่า “แล้วแกละ มาแต่ไหน  มีอะไรดี”  แต่พระเยซูทรงทอดพระเนตรดูเขาในมุมกลับ  พระองค์ทรงเห็นว่า  เขาเป็นคนตรง  เป็นไร้อุบาย  คิดเห็นอย่างไรก็พูดอย่างนั้น  ไม่ใช่ หน้าไหว้หลังหลอก  นี่คือคุณสมบัติที่ดี   ถ้าเราอยากมีเสน่ห์อย่างพระองค์  เราต้องเรียนมองคนอื่นใหม่   ไม่มีใครที่มีข้อเสียไปเสียทุกมุม และบางครั้งข้อที่เราคิดว่าเสีย  ในมุมกลับสามารถเป็นข้อดีได้เสมอ  เปโตร  เป็นคนโผงผาง แต่นิสัยเขาคือผู้นำ เปาโลข่มเหงคริสเตียนถึงที่สุด  แต่เขาคือคนที่เชื่ออะไรก็เชื่อจริง ถึงที่สุด   

      7.สนใจรู้จักคน

        พระเยซูตรัสว่า พระองค์รู้จักนาธานาเอล  ตั้งแต่ก่อนที่เขามาหาพระองค์   บ่อยครั้ง เราตรงกันข้ามกับพระองค์  พบกันเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนเป็นปี  เรายังไม่สนใจรู้จักเขาเลย   แล้วจะไปมีเสน่ห์ อย่างไร  ผมเคยได้ยินว่า โรงแรมที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ  เขาสนใจอยากทราบว่า  ลูกค้าของเขาชอบสีอะไร  ชอบกินอาหารประเภทไหน  ชอบอ่านหนังสือ  ดูหนังฟังเพลงประเภทไหน  เอาแค่นี้  พนักงานก็คงต้องไปทำการบ้านน่าดู  เขาทำเพื่อจะได้ปฏิบัติลูกค้าที่มาพักได้ถูก   แต่แน่นอน  ย่อมสร้างความประทับใจให้ผู้มาพัก ได้ดีกว่าโรงแรมที่ไม่สนใจลูกค้า 

         แน่นอน  การเรียกชื่อ   ของลูกค้า  เป็นเทคนิกอันสำคัญ   พระเยซูพบเปโตรครั้งแรก  พระองค์ตรัสว่า  “ท่านคือซีโมน บุตรยอห์น ซีน่ะ”  พระองค์บอกชื่อพ่อได้เบ็ดเสร็จ  ลองคิดซิ  เปโตรจะรู้สึกอย่างไร  การรู้จักเขาอย่างแม่นยำล่วงหน้า  ย่อมทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่า  คนคนนี้สนใจเขา  ให้เกียรติเขา  เขาคือบุคคลพิเศษ 

      8. ให้เขารู้ว่าเรามีพระบิดา

        พระเยซูตรัสกับนาธานาเอล  ว่าวันนี้เขาพบพระองค์  รู้จักพระองค์อย่าง ผู้เผยพระวจนะ  เพราะบอกเรื่องตัวเขาได้อย่างแม่นยำ  ถูกต้อง  แต่ อนาคต  เขาจะรู้จักพระองค์ผู้เป็นพระบุตรแห่งพระบิดาในสวรรค์  พระเยซู น่าติดตาม  มิใช่ เพราะเพียงประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ  ที่เขาพบ  แต่พระองค์มีความยิ่งใหญ่กว่า

         นั้นเป็นพันเป็นหมื่นเท่า  เสน่ห์ของคริสเตียน  อยู่ที่  เราคือลูกพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์  ตำราความคิดในแง่บวกที่ขายอยู่เต็มตลาดสอนให้เรามีชีวิตที่มีเสน่ห์  โดยสร้างคุณลักษณะต่างๆ มากมายเช่น  มั่นใจ  โชว์ความสามารถ  กล้าหาญ  เรียกชื่อคน  ยิ้ม  มีมุขตลกเวลาพูด  ฝึกยกย่องคน ฯลฯ  ครับ ถูกบ้างผิดบ้าง  แต่  ผมจะบอกให้  ไม่มีตำราใดเลยที่จะสอนว่าเสน่ห์ของเรา  อยู่ที่เราคือลูกของ “พระบิดาแห่งสรวงสวรรค์”  พระ บิดามั่งคั่ง  ผู้มีความรัก มีฤทธิ์  มีความรู้  มีความรอด มีการเร้าใจ   ตัวเราไม่พิเศษ แต่พระบิดา        

          เบื้องหลังเรานั้นพิเศษยิ่ง  แล้วอย่างนี้จะไม่เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนได้อย่างไร   จริงไหม              

            ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

 

 

 





Visitor 186

 อ่านบทความย้อนหลัง