ประสานกันอย่าง วงยูโอเดีย

Church are harmonized like Euodia.

 

ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์

 

  “เนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้น ติดต่อสนิทและประสานกันโดยทุกๆข้อต่อ ที่ทรงประทานได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก  เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว”

       เอเฟซัส 4:16

       วงยูโอเดีย  มาแสดงที่คริสตจักรของเราเป็นครั้งที่ 4  ทราบว่า วงนี้ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น มา 25 ปีแล้ว และมาแสดงที่ประเทศไทยเป็นครั้งที่ 10  ครับ พี่แป๋วบอกว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับคริสตจักรของเรา ผมนั่งชม วงดนตรี ยูโอเดียบรรเลงเพลง ต้องชมว่าไพเราะจริงๆ  ธรรมดาผมฟังดนตรีเพราะๆ อย่างนี้  จากเทป  หรือ ซีดี ของโมสาท หรือบีโธเฟน ได้เอาดนตรีมาใช้ประกอบละครอยู่บ่อย  แต่มานั่งฟังดนตรีวงนี้เล่นสดๆ ให้ฟัง นับว่าเป็นพระพรอย่างยิ่ง และปีนี้ เราได้ฟังทั้งดนตรีถึง 2 วงจากประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น

       วงยูโอเดีย มีทั้งดนตรีบรรเลงล้วน ๆ  และมีทั้งดนตรีประกอบเพลงร้อง คือมีดนตรีเล่นคลอเสียงร้องของอาจารย์ ชู โอซากา เป็นแบลกกราวด์ ก็ต้องชมว่าได้ความพอดิบพอดี  ไพเราะเพราะพริ้งยิ่ง ในฉบับนี้  ผมจึงถือโอกาสนำ วงยูโอเดียมาเปรียบเทียบกับการทำงานของคริสตจักร 

คริสตจักร ต้องทำงานให้เหมือนวงดนตรียูโอเดีย

1. มีพระคัมภีร์ เป็นตัวโน๊ต 

        นักดนตรีนั่ง และยืนกระจายกันบนเวที นักดนตรีไม่ได้วอกแวกมองคนฟัง  แต่ทุกคนต่างจับจ้องมองหนังสือเพลงที่มีโน๊ตเป็นหลัก ถ้าจะเอาหนังสือโน๊ตออก ผมก็คิดว่านักตนตรีต้องเคว้งคว้างเป็นแน่ เพราะต่างคนต่างจะเล่นไปตามใจตนเอง อาจเลอะและไม่เพราะอย่างนี้  งานคริสตจักรก็เช่นเดียวกัน แต่ละคนต้องยึดพระคัมภีร์เป็นหลัก         คริสตสมาชิกจะตัดสินใจทำอะไร  ออกนอกหลักของพระคำไม่ได้ 

2.     มีพระวิญญาณ เป็นผู้กำกับ 

        การเล่นดนตรีคราวนี้  มีมือไวโอลิน2 หน้าใหม่คนหนึ่ง  ที่ผมไม่เคยเห็นในปีก่อนๆ  อาจเคยมาเล่น ที่อื่น  แต่นักดนตรีท่านนี้ก็ใหม่สำหรับผม ส่วนคนอื่นๆ เช่น ไวโอลิน1 ไวโอลิน3  เซลโล คาลิเน็ท และเปียโน ก็เป็นคนเดิม ในตำแหน่งเดิมทั้งสิ้น การกำหนดให้ใครเล่นอะไร นี่ต้องดูความถนัด และความสามารถ  ในคริสตจักรก็เช่นกัน  เราต่างรับใช้ตามของประทาน เปาโลกล่าวว่า “พระเจ้าได้ตั้งอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยพระองค์” (1 โครินธ์ 12:18)  ใครเป็น ผู้เผยพระวจนะ เป็นครู ผู้เตือนสติ  ผู้เลี้ยง  ผู้สำแดงความเมตตา หรือผู้ปรนนิบัติ  ล้วนแล้วแต่ได้ถูกกำหนด โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งสิ้น

3.    มีศิษยาภิบาลเป็น ผู้นำ

       วงนี้มี  คุณฮิโรชิ ที่เล่นคาลิเน็ท เป็นหัวหน้าวง  ท่านคือคนเลือกเพลง จัดรายการเพลง ครึ่งแรกเป็นดนตรีคลาสสิก สมัยใหม่ สลับกับคำพยานของนักดนตรี ช่วงหลัง ท่านให้ อาจารย์ ชู โอซากา เป็นนักร้องรับเชิญมาร้องนำ จะเอาเพลงไหนขึ้นก่อน  เพลงไหนตามหลัง คุณฮิโรชิ หัวหน้าวงเป็นผู้จัดการทั้งสิ้น ลูกทีมทำตามที่ท่านเลือก  ในคริสตจักร  พระเจ้าโปรดให้มีคนที่เป็นผู้ครอบครอง ดูแลคริสตจักร (โรม 12:8;       1 เปโตร 5:1-3 ) วงดนตรีจากเกาหลี  ที่มาเล่นที่โบสถ์ของเราวันก่อน  เขามี Conductor  ผู้เล่นนอกจากดูโน๊ตแล้ว เขาจะต้องมองดู Conductor  ผู้ให้จังหวะ ด้วย

4. มีการฝึกซ้อมแข็งแรง

       ผมไม่ได้ไปเห็นการฝึกซ้อมของวงดนตรียุโอเดีย  แต่ เชื่อได้เลยว่า  การฝึกซ้อม อย่างแข็งขันเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ถ้าไม่ซ้อม วงไม่มีวันเล่นได้อย่างนี้ อย่างเพลง  กฤษณา (Krisana) ที่คุณเชเคมา นักเล่นเปียโนเป็นผู้แต่ง  บางช่วงเบา บางช่วงหนัก  บางช่วงเล่นเดี่ยว  บางช่วงอีก 2 คนเข้ามาแจม  บางช่วงเล่นพร้อมกันหมดทั้งวง ไพเราะยิ่ง  เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาหนังสือโน๊ตมากาง แล้วเล่นไปได้เลย  ต้องมีการฝึกซ้อมครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกิดความชำนาญ ต้องแก้ไข ปรับปรุง  จนรู้กัน  ผมเคยเรียนเรื่องการเป็นครูสอนรวีฯ  และอยู่กับงานเทศนา  นักเทศน์ต้องเตรียมตัว ใช้เวลาเป็น 2 – 3 เท่าของเวลาเทศน์จริง  พูดง่ายๆก็คือต้องทำการบ้าน เตรียมแค่สุกเอาเผากิน  จะไม่ได้ผลดีสมประสงค์  ถ้าเป็นวงดนตรี  ก็เล่นได้ไม่ไพเราะ โคลงโลกนิติ บทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี อักขระห้าวันหนี เนินช้า”  งานรับใช้ จำเป็นต้องมีการตระเตรียม

5. ต้องเล่นให้เข้ากับวง 

         นักดนตรีต้องฝึกฝนให้เกิดความชำนิชำนาญ ทั้งเฉพาะตัว และกับวงคณะ คนเล่นดนตรี อาจเล่นไพเราะ เวลาเล่นเดี่ยวๆ แต่จะเล่นให้เข้ากับวง ให้ Harmonize กับดนตรีชิ้นอื่นๆ นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  งานคริสตจักรเชื่อมโยงกันทั้งหมด รวีฯ สำหรับเด็ก เชื่อมโยงกับคริสเตียนศึกษาของผู้ใหญ่  เชื่อมโยงกับ  การนมัสการ  รายการนมัสการก็เช่นกัน ผู้นำนมัสการ นักร้อง  นักดนตรี  ปฏิคม นักเทศน์  เทคนิค ผู้เดินศีลมหาสนิท พี่เลี้ยง เชื่อมโยงกับ  Coffee break ตอนเช้า การจัดอาหาร ตอนเที่ยง การเข้ากลุ่มสามัคคีธรรมภาคบ่าย  การจัดสถานที่ ที่จอดรถ การจัดประชุมกลุ่มเซลล์ระหว่างสัปดาห์  และการประกาศ เป็นพยาน งานทุกอย่างสำคัญทุกชิ้น

6.  ตัวหลัก หรือตัวประกอบ

          ช่วงหลัง ตอนอาจารย์ ชู โอซากะ มาเป็นนักร้อง ท่านถือกีตาร์มาตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเป็นผู้นำรายการ เสียงร้องเพลงของท่านไพเราะ สไตล์ ทอม โจนส์ หรือนักร้องผิวดำอย่าง แนคกิงโคล  ผมเชื่อว่า  ช่วงนี้ทุกคนในที่ประชุมเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย ใครๆในที่ประชุมช่วงนี้  คงไม่สนใจนักดนตรีคนอื่นเท่ากับท่าน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้  คาลิเน็ทก็เด่น  เปียโนก็ดี ไวโอลินก็โดด  แม้แต่เซลโล ก็แจ่ม พออาจารย์ชู  เข้ามา  เสียงของนักดนตรีทั้งหลาย ก็ถอยไปอยู่ข้างหลัง อาจารย์ชูหมด จนบางทีผมแทบไม่ได้ยินเสียงของไวโอลินบางตัว แต่ “ฟังโดยรวมแล้วไพเราะ”  และนี่แหละคือสิ่งที่ต้องการ นักฟุตบอล  แม้แต่คนที่เลี้ยงเดี่ยวได้เก่ง ชูตแม่น  แต่ถ้าจะเป็นดาราอยู่คนเดียว ก็จะเอาชนะไม่ได้  ในวง  เราต้องไม่คำนึงว่า ตนเองเล่นเก่ง ไพเราะ  แต่ต้องคำนึงว่า  ผลงานทั้งหมดออกมาดี ไม่มีนักดนตรีคนไหน  มาเล่นแข่งกับอาจารย์ชู  แต่ทุกคนพร้อมเป็นตัวประกอบ ในวันเพนเตคศเต  สาวก 120 พร้อมยืนอยู่ข้าง     เปโตร  ในขณะที่เปโตรเทศนา

7.  เข้าใจ อารมณ์ของเพลง

        นี่เป็นข้อสังเกตของผมเอง  เวลาฟังคณะยูโอเดีย  บางเพลงสนุก  ผมสังเกตว่านักดนตรีก็สนุกไปด้วย  บางเพลงเศร้าซึ้ง  นักดนตรีก็เล่นอย่างเคร่งขรึม ตามบทเพลง ผมเคยเป็นผู้กำกับละครคริสตมาส บางฉาก สนุก ผู้แสดงกลับขรึม หน้าตาถมึงทึง จืดชืด  ไม่ยิ้มไม่หัว บางฉากเศร้าหมอง ผู้แสดงกลับยิ้มหัวเห็นฟันขาว ฝืนกับฉากโศก แทนที่จะเรียกน้ำตา  กลับดูเป็นเรื่องเล่นๆ ดึงใจคนดูผิดทาง ผมเคยเรียกนักแสดงมารวมกัน และพยายามบรรยายเจตนาของบทละครให้นักแสดง “อิน” กับบท  หลายครั้ง ทำไม่ได้ง่ายๆ นักแสดงมักสนใจแต่ท่าทาง การยกมือยกไม้ มากกว่าสนใจสีหน้าของตนเอง โดยที่เขามิได้คิดว่า  สีหน้าของเขามันสวนทางกับบท

       ในคริสตจักร  ก็เช่นเดียวกัน เราอาจตักข้าวเลี้ยงพี่น้อง ที่เราเรียกว่า Love Feast แต่หน้าตาเรากับแขก มันส่งภาษาตรงกันข้ามก็ได้  สาวกของพระเยซูเคยไล่เด็กออกไป ในขณะที่พระเยซูตรัสว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะชาวแผ่นดินสวรรค์เป็นเช่นเด็กเหล่านี้”  เราอาจร้องเพลงนมัสการ ที่มีเนื้อว่า “จงชื่นชมยินดี ในองค์พระผู้เป็นเจ้า”  ในขณะที่หน้าตาเราเศร้าหมองเหมือนคนบอกบุญไม่รับ  เราร้องเพลง “ชนะ ชนะ ชนะ”  แต่เราอาจอยู่ในอาการยกธงขาว ต่อสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญ จนยิ้มไม่ออก  หรือในยามที่เราควรเคร่งขรึมเพื่อจะนำคนมารู้จักพระคริสต์  แต่เรากลับเล่นสนุก เป็นหมาหยอกไก่ ราวกับ “ความรอด” เป็นเรื่อง “เผื่อเลือก” เพราะยังมีทางอื่นอีกที่เขาอาจรอดได้  ทั้งๆที่ความรอด เป็นเรื่องความเป็น ความตาย สู่ชีวิตนิรันดร์ ชั่วกัปชั่วกัลป์

8.  “เพลงไพเราะ”  คือสิ่งที่วงดนตรีต้องการ

      ผมนั่งข้างหน้า ฟังวงยูโอเดีย  บรรเลงเพลง และลองหลับตา  ไม่ดูนักดนตรีที่กำลังเล่นอย่างครึกครื้น  สนุกสนาน  เหมือนผมฟังดนตรีจากแผ่นซีดี  ผมต้องยอมรับว่า ผลิตผลสุดท้ายของวงนี้ที่ออกมานั้น “ไพเราะยิ่ง”  เสียงร้องของนักร้องเด่นอยู่ข้างหน้า  มีดนตรีอยู่ข้างหลัง เสียงดนตรีบางชิ้น เช่นเซลโล  เบาบางมากเป็นแบล็กกราวด์ จนเกือบไม่ได้ยิน แต่ถ้าตัดแกออกไปเสีย ดนตรีคง “ขาดความลุ่มลึก”  คาลิเน็ท แทบไม่ได้เล่น  นอกจากตอนแทรก เป็นเมลโลดี เข้ามาตรง กลางระหว่างเนื้อร้อง  ถ้าเข้ามาแนบคู่ขนานขณะที่อาจารย์ ชู ร้องเพลง  แม้เสียงคาลิเน็ทเองไพเราะ  แต่ก็อาจทำให้ “รกหู”ผู้ฟังได้

        ลืมตาขึ้นมามองดูนักดนตรี ผมได้คำตอบบางอย่าง  วงดนตรีคณะนี้ เขาไม่เกรงใจว่าใครจะได้เล่นมากหรือน้อย  ใครต้องเงียบตอนไหน และใครต้องเล่นเบาจนเกือบไม่มีใครได้ยินเสียง  แต่เขาคำนึงสิ่งเดียว ครับ นั่นคือทั้งหมดที่เขาผลิตออกมา คือ “เพลงไพเราะ” อันเป็นผลงานสุดท้าย (End Product)  สู่หูคนฟังในที่ประชุม     

        ผมเคยพาทีมไปประกาศที่เสนานิคม  เรามีดนตรีคือกีตาร์ ม้วนเพลงสั้นเขียนบนผ้าเนื้อดิบ ใบปลิว รูปภาพหัวใจของเด็กชายปั๊ก เครื่องขยายเสียงเสียง ลำโพง ผ้าที่ขึงตรงที่ที่เราจะประกาศ เขียนข้อความว่า “พระเยซูรักคุณ” เราแบ่งคนออกเป็น (1)นักร้องนักดนตรี (2)คนจัดสถานที่ (3) คนออกไปแจกใบปลิวเชิญคนมาฟัง (4) คนเฝ้ารถ (5)ทีมอธิษฐาน ผมเป็นคนเทศนา มีพี่น้องอีกสองคนเป็นพยาน  เราสอนเพลงก่อนเพื่อเรียกคนมาฟัง เป้าหมายของเรา  คือ ชาวบ้านที่มาฟัง จะได้ยินพระกิตติคุณและรับเชื่อ งานนี้ ลางคนอยู่หน้าเวที  ลางคนอยู่หลังเวที พี่น้องบางคนทำหน้าที่ แค่ยืนถือม้วนภาพ หรือม้วนเพลง เท่านั้น   “คนเฝ้ารถ” อยู่ห่างจากเวทีไกลทีเดียว ไร้ความสนุกใดๆทั้งสิ้น แต่เขาก็มีความสุข เพราะเขารู้ว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ สิ่งสุดท้ายที่ทีมต้องการ ประสบความสำเร็จ

        ปีกลายผมทำเพลงเพื่อละครคริสตมาส  เชิญพี่น้องหลายคนมาร่วมร้องเพลง น้องชัยเป็นคนประกอบเพลงด้วยโปรแกรมส์คอมพิวเตอร์ อาจารย์ปริญญามานั่งให้กำลังใจ เราอยู่กันดึกดื่นหลายคืน บางคืนถึงสว่าง ก่อนทำเพลง ผมปฐมนิเทศน์ก่อนว่า  เราจะเสียสละ ทำงานนี้เพื่อพระเยซู ไม่เอาหน้า ไม่แข่งขันกัน เราไม่เหมือนกัน บางคนอาจได้ร้องมาก บางคนได้ร้องน้อย ผมขอเป็นผู้วินิจฉัยว่าท่อนไหนให้ใครร้อง ผมสารภาพว่า ผมก็ไม่เคยทำ แต่เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นๆ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยล่วงหน้า พี่น้องน่ารักมาก ผมยังจำได้ว่า คืนหนึ่งคุณไปล่ มารอและซ้อมท่อนของตนตั้งแต่หัวค่ำ ได้ร้องท่อนสั้นๆ ประมาณ ตีหนึ่งแล้วกลับบ้าน ผลสุดท้าย เพลงที่ออกมาดีกว่าที่ผมคาดคิด

        คริสตจักร  ก็เป็นเช่นนี้ เราทำเพื่อพระเยซู  เราทำเพื่อให้พระมหาบัญชาสำเร็จ  พี่น้องหลายคนมาอยู่โบสถ์ในวันอาทิตย์ถึงเย็น  เพื่อเรียนชั้นสาวก บางคนออกไปนำกลุ่มเซลล์ระหว่างสัปดาห์  บางคนออกไปประกาศกับทีม บางคนมาประชุมอธิษฐานวันศุกร์ ซ้อมเพลงวันเสาร์ บ่ายวันอาทิตย์ นำกลุ่มสามัคคีธรรม ช่วยงานอีกหลายอย่างกลางสัปดาห์ เตรียมงาน สอนเด็ก ออกไปเยี่ยมพันธกิจ เรารับใช้เหมือนวงดนตรี ยูโอเดีย เป้าหมายเรามีสิ่งเดียวคือ ผลงานออกมาไพเราะ  คนมาเชื่อพระเยซู พระเจ้าได้รับเกียรติ  อาเมน

 

The Church could be harmonize like   Euodia Concert.

Pastor.

   The Lord blesses us so much that He brought the Euodia concert team to present in our church last Friday.

    As I sat and listen to the concert, I thought about The church.’

Paul said that the church is the body of Christ that each organs are playing the importance parts  and harmonize with one another when we are working together.  The music that came out are very beautiful.  Each instruments are just like us. We have the Bible like the music note , The Holy Spirit is the one  who gave us  Spiritual Gifts, Pastor  and elders  as  conductors, Musician as each one of us in The Church. We must practice  invest our time in preparation. Our Aim is His Great Commandment. 

    God bless,

 

 









Visitor 77

 อ่านบทความย้อนหลัง