ทวงพระสัญญา

 ศ.บ

 

(ปฐมกาล 32:12)

        “แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า  เราจะกระทำการดีแก่เจ้า  และทำให้เชื้อสายของเจ้าดุจเม็ดทรายในทะเล  ซึ่งจะมากมายจนนับไม่ถ้วน”

        นี่คือคำอธิษฐานของยาโคบ  ที่ฝั่งแม่น้ำยับบอก  ในคืนที่ยาโคบทุกข์ใจแทบขาด   เพราะวันรุ่งขึ้น เขาจะต้องพบกับเอซาว พี่ชายที่เคยเคียดแค้นเขา  หลังจากทั้งสองจากกันมาร่วม 20 ปี  

        ผมจะท้าวความหลังให้ฟังซะหน่อย 

        ยาโคบกับเอซาวเป็นฝาแฝด  เกิดจากอิสอัค และนางเรบาคา  เอซาวเป็นพี่ ส่วนยาโคบเป็นน้อง  ทั้งๆที่ทั้งสองคลอดตามกันมาแค่ ยาแดงผ่าแปด   ตามกฎของครอบครัวชาวยิว  คนที่เป็นพี่ได้สิทธิบุตรหัวปี ยิ่งกว่านั้น เขาจะได้เป็นต้นตระกูลของพระเมสิยาห์ด้วย  มิน่าเชื่อนะครับ แค่คลอดออกมาหลังขนาดจับซ่นเท้าพี่คลานตามออกมาเท่านั้น  ยาโคบต้องเป็นน้อง  และพลาดพรเยอะแยะ อย่างน่าเสียดาย  ส่วนเอซาวนั้น  ก็ได้สิทธิต่างๆเหล่านี้โดยไม่ได้ออกแรงอะไร  คนเราเลือกเกิดได้ซะที่ไหน  แต่เราเลือกใช้ชีวิตได้ เอซาว เป็นพรานชอบล่าสัตว์  ส่วนยาโคบชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนที่ต่างกัน ยิ่งกว่านั้น  ก็คือเอซาวไม่สนใจพร แถมดูถูกเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่ยาโคบ เห็นความสำคัญ และอยากได้สิทธิบุตรหัวปีมากครับ อยากได้มากๆ ขนาด พร้อมทำทุกอย่างเพื่อจะได้สิทธินี้มา   วันที่อิสอัค จะอวยพรลูกหัวปี  ได้สั่งให้เอซาวไปเตรียมอาหารอร่อยมา พอทานเสร็จพ่อก็จะอวยพรให้แต่แม่ คือนางเรบาคา และยาโคบทราบเข้า  จึงปรุงซุปลูกวัวรสดี  มาเลี้ยงพ่อตัดหน้า  โดยหลอกพ่อว่าตนคือเอซาว  อิสอัคหลงเชื่อจึงอวยพรยาโคบ  เมื่อได้พรแล้วยาโคบก็หลบไป  พอเอซาวกลับมารีบเตรียมอาหารให้พ่อ  อิสอัคตกใจ เพราะรู้ว่าตนถูกหลอก  และเอซาวเองก็เคียดแค้นยาโคบน้องชาย  ขนาดคิดจะฆ่าจะแกงน้องของตน  พรที่พ่อลั่นปากไปแล้วนี่  คำไหนคำนั้น  เอาคืนไม่ได้ ความจริง พระเจ้ามิได้เห็นด้วยกับการหลอกลวง   แต่พระเจ้าโปรดยาโคบที่เห็นคุณค่า ของพระพร  ส่วนอิสอัคนั้น ก็ตระหนักว่า  ที่เป็นมาอย่างนี้  คงเป็นน้ำพระทัย  

     บทเรียนบทแรกของเรา ก็คือ พระเจ้าโปรดปรานคนที่ ให้ความสำคัญกับเรื่องฝ่ายวิญญาณ คนที่ใฝ่ใจในพระสัญญา สนใจพระคำ  รักการเข้าเฝ้า  คนที่แลเห็นว่าชีวิตภายในสำคัญกว่าเรื่องภายนอก  ถือว่าชีวิตนิรันดร์เป็นสิ่งประเสริฐ  ในทางตรงกันข้าม  พระเจ้าไม่พอพระทัย  คนที่ใส่ใจแต่เรื่องภายนอก 

 

        ยังไม่จบ ผมเล่าต่อ  

        ในที่สุด ยาโคบตัดสินใจ  หนีเอซาว ไปปัดดัมอารัม  ในแค้วนเมโสโปเตเมีย  ระหกระเหินออกจากบ้าน  ว้าเหว่มาก คืนที่นอนค้างที่เบธเอล ใช้หินหนุนเป็นหมอน  ก็ฝันเห็นบันไดสวรรค์  ยาโคบไม่มีใคร  เว้นแต่พระเจ้า  ไม่รู้อนาคต   นอกจากฝากความหวังไว้กับพระเจ้า  ยาโคบทูลขอให้พระเจ้าคุ้มครอง  และพระเจ้าก็สัญญากับยาโคบว่า   

                             ทั้งเหลือแหล่แผ่กว้าง       ออกตก

                      เหนือใต้ใกล้ไกลยก                 มอบให้

                      พงศ์พ่อเป็นมรดก                    หลานลูก

                      เพราะเจ้าชาวโลกได้                ติดห้อยพลอยพร

                              จะประทับกับเจ้า              ทุกหน

                      พิทักษ์รักษายล                       ชีพให้

                      เท้าเจ้าย่ำตำบล                       นี้อีก

                      จวบสารพัดตรัสไว้                    ครบถ้วนล้วนจริง

 

       ผมเล่าเรื่องให้ย่อลง ยาโคบไปทำงานรับใช้ลุงลาบัน  ด้วยหลงรักราเชล  ลูกสาวคนเล็กของลุง แต่กลับถูกลุงหลอก วันเข้าเรือนหอ ได้เลอาห์ ลูกสาวคนโตแทนได้ราเชล ลูกสาวคนเล็กที่ตนรัก และต่อมาก็ได้สาวใช้ของทั้งราเชล และเลอาห์ เพราะแข่งกันมีลูก สรุปคือได้ภรรยา  4 คนโดยมีเหตุพาไป  มีลูก 11 คน มีคนใช้ มีฝูงแพะแกะมากมาย 20 ปี ผ่านไป ยาโคบเดินทางกลับมาปาเลสไตน์ ดินแดนแห่งพระสัญญา เขาจะต้องมาพบเอซาว พี่ชายที่ตนเองเคยหลอกเอาสิทธิ์บุตรหัวปีมา ยาโคบเดาไม่ถูกว่า พี่ชายยังเคียดแค้นตนอยู่หรือเปล่า และถ้าขอโทษ พี่จะอภัยให้หรือไม่ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น   ยาโคบส่งคนใช้ดั่งทูตฝีปากดี นอบน้อม และของกำนัลล่วงหน้า ไปบอกพี่ชาย ว่าตนจะมาพบ ครั้นเอซาวทราบข่าวก็ ตอบกลับมาว่า พรุ่งนี้ จะมาพบพร้อมกับชายฉกรรจ์ 400 คน

       ผมเล่าเรื่องย้อนหลังมาเสียยืดยาว 

       เพื่อปูพื้นให้เห็นว่า คืนนั้น ที่ฝั่งแม่น้ำยับบอกนั้น ยาโคบทุกข์ใดเพียงใด  ทุกข์เพราะยอมรับสิ่งที่ตนเองเคยทำกับพี่ชาย  ที่พี่โกรธนั้นตนก็เข้าใจดี แต่ยาโคบก็เข้าใจด้วยว่า  ในอดีตพี่ก็มิได้ใส่ใจอยากได้สิทธิบุตรหัวปีอะไรมากมายนัก ทั้งเข้าใจด้วยว่า สำหรับตนแล้ว  นี่คือยอดปรารถนา

      เราเคยมีสมาชิกที่มาเชื่อพระเจ้าเพียงคนเดียวในบ้าน  ไม่มีใครในบ้านเป็น คริสเตียนสักคน  พ่อและแม่ก็ไม่ชอบคริสเตียน  ด้วยเข้าใจว่าเป็นศาสนาฝรั่ง และในวงศ์ตระกูลของเขาก็ไม่มีใครผ่าเหล่ามานับถือพระเยซูสักคน  พ่อเป็นคนเคร่งศาสนา เวลาอยู่ด้วยกันกับญาติๆ  ก็เป็นคนรักษาหน้า  แสดงให้รู้ว่าลูกอยู่ในโอวาท   แต่พ่อหนุ่มคนนี้มาเชื่อพระเยซู จะรับศีลบัพติสมา  ผมแนะเขาว่า  ไม่ควรเป็นคริสเตียนลับๆ  เราต้องกล้าเปิดเผย ผมบอกเขาว่า  ผมไม่เคยเห็น คริสเตียนลับเติบโต  เขาเชื่อผม  เป็นอันว่าเขาจะต้องเข้าไปบอกคุณพ่อที่เขารักนับถือ  เขาเข้าใจความรู้สึกของพ่อดีทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาตระหนักก็คือ  ลูกศิษย์พระเยซูต้องกล้าประกาศตัว   ก่อนไปบอกพ่อเขาอธิษฐานหนัก  เหมือนยาโคบที่ฝั่งแม่น้ำยับบอก  เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าพ่อจะไม่โกรธ ไม่ขึ้ง  ใครจะช่วยดับไฟที่อาจลุกโชนขึ้น  พ่ออาจตัดเขาจากทุกสิ่ง  แต่นักสู้ตัวจริง  คือคนที่ไม่หนีปัญหา  ตรงกันข้าม  กล้าผจญปัญหาเมื่อรู้ว่านี่คือทางที่ถูก  ถ้าน้องคนนั้น เขาปิดปากเงียบไม่บอกพ่อแม่ว่าเขาเป็นคริสเตียน   เขาก็คงต้องเป็นคริสเตียนลับ ที่ขาดพรไปตลอดชีวิต

 

       คืนนั้นยาโคบปล้ำสู้  ขอให้พระเจ้าอวยพระพรเหงื่อคงจะแตกพลั๊กๆ   เวลาเราต้องเผชิญกับปัญหาเกินแก้ไข  ไม่มีอะไรดีกว่าการอธิษฐาน  “สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้นั้น   พระเจ้าทรงกระทำได้”  ด้วยปัญญาของมนุษย์นั้น  ยาโคบทำทั้งหมด เช่น ส่งของกำนัลไปให้  เป็นระยะๆ   กำชับคนของตนให้มากราบเรียนเอซาวว่า  “ยาโคบ พร้อมทั้งครอบครัว และแพะแกะกำลังจะมานอบน้อมต่อพี่ชาย”  แบ่งคนออกเป็นสองพวก  หากเอซาวทำร้ายพวกหนึ่ง อีกพวกยังจะหนีไปได้  แต่ถึงกระนั้นยาโคบยังไม่มั่นใจ  ความมั่นใจของเขาอยู่ที่พระเจ้า    

      ยาโคบทวงพระสัญญา

      “แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า  เราจะทำดีแก่เจ้า  และจะช่วยให้เชื้อสายของเจ้า  ดุจเม็ดทรายที่ทะเล  นับไม่ถ้วนเพราะมีมาก” (ปฐมกาล  32:12)   จะมาตายยกครัวกันคราวนี้ได้อย่างไร  พระเจ้าทรงสัญญาแล้ว  พระองค์ต้องช่วยตามสัญญา  ในยามที่ท่านอธิษฐานอย่างทุกข์ใจ  ท่านเคยบอกพระเจ้าอย่างนี้ไหม  “พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า  เราจะทำดีแก่เจ้า”   โมเสสบอกคนยิวว่า “เหตุฉะนี้พึงทราบเถิดว่า  พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นพระเจ้า  เป็นพระเจ้าสัตย์

ซื่อ  ผู้ทรงรักษาพันธสัญญา  และความรักมั่นคงต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์  และรักษาพระบัญญัติถึงพันชั่วอายุคน” ( ฉธบ 7:9)  บาลาอัมกล่าวว่า  “พระเจ้ามิใช่มนุษย์  จึงมิได้มุสา  และมิได้เป็นบุตรของมุษย์  จึงไม่ต้องกลับใจ  ที่พระองค์ตรัสไปแล้ว  พระองค์จะมิทรงกระทำตามหรือ   ที่พระองค์ทรงลั่นวาจาแล้ว     จะไม่ทรงกระทำให้สำเร็จหรือ” (กันดารวิถี 23:19) 

      ในโลก เราคุ้นเคยกับสัญญาลมๆแล้งๆ  เยอะแยะ  หนุ่มสัญญากับสาวว่าจะมาสู่ขอ  ครั้นเจอสาวคนใหม่สวยกว่า  พ่อหนุ่มก็ลืมคำมั่นสัญญา  มีเพลงลูกทุ่งแต่งต่อว่าพ่อหนุ่มใจรวนเร เช่นนี้ นับร้อยๆ เพลง  ในงานสมรส รับปากมีคำมั่นสัญญาต่อหน้าแขกเหรื่อ   มีทะเบียนสมรส แถมถ่ายรูปกำกับ เป็นหลักเป็นฐาน แต่พออยู่กินกันไป ใจพ่อก็เปลี่ยน เพลงทำนองนี้ก็มีมากนับร้อยเพลงเช่นกัน   เกิดจนไม่รู้ว่าจะฝากความไว้เนื้อเชื่อใจกับใคร   โลกเรียกร้องควานหาคนสัตย์ซื่อ ผมได้ยินว่า คดีเช็คเด้งทวีขึ้นเป็นดอกเห็ด  นิตยสารผู้จัดการฉบับหนึ่ง   พาดหัวว่า   เช็คเด้ง ..ยังคงเป็นแชมป์คดีอาญา แต่พระเจ้า ทรงสัตย์ซื่อเสมอ 

        ยาโคบทวงพระสัญญา ว่า “แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า  เราจะทำดีแก่เจ้า”  ขอให้เราวางใจในพระองค์    ในพระคัมภีร์พระเจ้ามีพระสัญญากับผู้เชื่อมากมาย    ไม่มีคำสัญญาใด  ที่พระองค์ละเลย พระเจ้าไม่เคยทำอะไรก่อนเวลา  และพระองค์ก็ไม่เคยสาย 

 

      เมื่อลาซารัสป่วยเกือบจะตาย  มารีย์และมาธา  ส่งคนไปตามพระเยซูมารักษา   พระเยซูตรัสว่า “โรคนั้นจะไม่ถึงตาย  แต่เกิดขึ้นเพื่อเชิดชูพระเกียรติ”

(ยอห์น 11:4) ยอห์นบรรยายว่า  พระองค์ไปถึงที่เบธานี เมื่อเขาเอาลาซารัสไปไว้ที่อุโมงค์  4  วันแล้ว  แต่นี่คือวาระที่พระองค์ทรงให้คนกลิ้งหินปากอุโมงค์ออก  และเรียกเขาฟื้นขึ้นจากตาย  อันลือลั่น  จำคำอธิษฐานของพระเยซูก่อนเรียกลาซารัสออกจากอุโมงค์ได้ไหม “ข้าแต่พระบิดา  ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์  ที่พระองค์ทรงโปรดฟังข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทราบว่า  พระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ  แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้  ก็เพราะเห็นแก่ประชาชนที่ยืนอยู่ที่นี่  เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้ารพะองค์มา” (ยอห์น 11:41-42)   

           ความจริงพระเจ้าไม่เคยลืมพระสัญญา   

        แต่การที่เราอธิษฐาน โดยอ้างถึงพระสัญญา ก็เพื่อตอกย้ำความเชื่อของเราที่มีต่อพระเจ้าผู้ทรงส้ตย์ซื่อ  ยาโคบไม่เคยลืม คืนนั้นที่เบธเอล พระเจ้าสัญญาว่าจะทรงพิทักษ์รักษาท่าน  แต่ยังทรงสัญญาว่า  ท่านจะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง   แล้วคำอธิษฐานของยาโคบก็ได้รับคำตอบ  วันรุ่งขึ้นเมื่อเขาพบเอซาว พี่ชายที่เคยเคียดแค้น  เอซาว ยกโทษเขา กอดคอจุบเขาและ  ร่ำไห้  (ปฐมกาล 33:4)

           หากวันนี้ท่านกำลังพบความทุกข์  หนักใจ  ปัญหาทับถม ท่วมหัวท่วมหู เกินแก้ หากวันนี้ท่านปรารถนาให้พระเจ้าทำงานในใจของใครบางคนเหมือนอย่างยาโคบทูลเรื่องเอซาว หากวันนี้  ท่านมาถึงทางตัน  เดินไม่ถูก ไปไม่เป็น  หรือท่านกำลังหวาดกลัวว่าเหตุร้ายอาจเกิดขึ้นกับท่าน  ขอคิดใหม่  เชื่อพระเจ้า เชื่อพระสัญญาของพระองค์ และอธิษฐานว่า   “แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า  เราจะทำดีแก่เจ้า”  จงจำไว้ว่า   พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อ  จะไม่มีวันให้สิ่งร้ายเกิดขึ้นกับท่าน  ตรงกันข้าม สิ่งดีจะเกิดกับท่าน พันเปอร์เซนต์  

           ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ





Visitor 507

 อ่านบทความย้อนหลัง