ชนะความลำบาก
ศ บ.
ข้อพิสูจน์ว่าเชื่อจริง
“ต่อพระพักตร์พระบิดาเจ้าของเรา เรารำลึกถึงความเชื่อของท่าน ที่แสดงออกเป็นการกระทำ และความรักของท่านที่แสดงออกเป็นการกระทำ และความรักที่ท่านเต็มใจทำงานหนัก และความพากเพียร ซึ่งเกิดจากความหวังในพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา”
( 1 เธสะโลนิกา 1:3)
ผมเคยเดินทางไปเมืองเธสะโลนิกา เมืองนี้ตั้งอยู่ที่อ่าวชายฝั่งทะเลอีเจียน ประเทศกรีซ ลักษณะของประเทศกรีซ เป็นภูเขาหินสีขาว ไม่สูงอย่างภูเขาบ้านเรา มีต้นไม้สีเขียวแซม สวยงามมาก เมืองนี้มีประวัติ คืออาจารย์เปาโลเคยมาประก่าศที่เมืองนี้ เมื่อท่านมาทำพันธกิจครั้งที่สอง หลังจากท่านถูกปล่อยออกจากคุกที่เมืองฟิลิปปีแล้ว ท่านก็เดินทางมายังเมืองเธสะโลนิกา ยุทธวิธีการประกาศของเปาโลก็เหมือนเดิม คือท่านเลือกเข้าไปสนทนาธรรมในธรรมศาลา ผมขอพูดเรื่องที่มาของ ธรรมศาลานิดหนึ่ง ตั้งแต่กรุงเยรูซาเล็มแตก คนยิวถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ชาวยิวอีกไม่น้อยก็กระจัดกระจายไป อยู่ในเมืองต่าง ๆ คนยิวไปที่ไหน ก็สร้างธรรมศาลาขึ้นที่นั่น ธรรมศาลาเป็นที่นัดพบกันทุกวันสะบาโต ในธรรมศาลาจะมีการอ่านพระคำ และนมัสการ ที่เธสะโลนิกาก็มีธรรมศาลา ผู้ที่มาร่วมประชุมในธรรมศาลา มีคนอยู่ 3 ประเภท คือ (1) ยิว (2)ผู้เข้าจารีตยิว และ (3) ผู้ยำเกรงพระเจ้า คนยิว หมายถึงคนเชื้อชาติยิว คนพวกนี้ถือพระบัญญัติโมเสสแข็งขัน ผู้เข้าจารีตยิว มิได้เป็นยิวมาแต่กำเนิด แต่เป็นคนต่างชาติ ที่ไม่พอใจศาสนาเดิมของตน พวกเขานิยมชมชอบการเชื่อพระเจ้าองค์เดียวของยิว และชื่นชอบพระบัญญัติโมเสส จึงตัดสินใจมาเข้าสุหนัตเป็นยิว จึงเรียกว่าผู้เข้ารีตยิว พวกนี้หัวรุนแรงยิ่งกว่ายิวเสียอีก ส่วนผู้ยำเกรงพระเจ้า เป็นคนต่างชาติ ที่มิได้เข้าสุหนัต แต่มีศรัทธาในพระเจ้าเป็นกลุ่มที่ไม่ติดอยู่กับขนบธรรมเนียมยิวอะไร แต่ต้องการแสวงหาพระเจ้า พวกหลังนี้ เป็นพวกที่เปิดใจรับพระกิตติคุณมากกว่า 2 พวกแรก และเปาโลมุ่งหวังนำคนกลุ่มนี้ ท่านจึงเลือกเข้ามาประกาศในธรรมศาลา
จากฟิลิปปีล่องใต้ ลงมา
ถึงเธสะโลนิกา ติดคุ
จึ่งเยี่ยมธรรมศาลา เช่นอดีต
ท่านเล่าเรื่องเฟื่องฟุ้ง พระคริสต์ฟื้น คืนพระชนม์
เปาโลใช้เวลาโต้ตอบกับพวกเขา อ้างพระคัมภีร์ นานถึง 3 สัปดาห์ “ไขข้อความชี้แจงให้เห็นว่า จำเป็นที่พระคริสต์ต้องทนทุกข์ทรมาน แล้วทรงคืนพระชนม์” (กิจการ 17:3) คนยิวรอพระเมสสิยาห์ หรือพระคริสต์มานานนับพันปี พวกเรารู้พระสัญญาดีว่า วันหนึ่งพระผู้ช่วยให้รอดจะมา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์มาปลดปล่อยพวกเขาจากการถูกกดขี่ข่มเหง แต่คนยิวลืมไปว่า พระเมสสิยาห์ ที่พวกเขารอคอย จะเข้ามาในโลกนั้น จะทนทุกข์ จนถึงถูกประหาร วายพระชนม์ชีพ ดั่งลูกแกะเพื่อไถ่โทษความผิดบาป ก่อนที่พระองค์จะฟื้นคืนพระชนม์ รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ ครั้นพระองค์เสด็จมา กลับไม่รู้ว่าพระองค์คือพระคริสต์ที่ตนรอคอย นี่ไง ที่เปาโลพยายามชี้แจง คนเราไม่รู้นี่ไม่มีใครติใครว่าได้ แต่เมื่อรู้แล้ว เราไม่เชื่อนี่ต้องเรียกว่ามีทิฐิ ผมหนุนใจทุกคนที่แสวงหา ว่าท่านมีสิทธิ์ค้น คว้า ซักถาม โต้ตอบ อย่างที่เปาโลทำกับคนในธรรมศาลา ครั้นหมดข้อกังขา คราวนี้เราก็ต้องตัดสินใจว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ใช่ดองเอาไว้เฉยๆ วันนั้น ในธรรมศาลาแบ่งออกเป็น 2 พวก (1) เชื่อ เห็นด้วย สมัครเข้าเป็นพรรคพวกของเปาโล และสิลาส รวมทั้งพวกกรีกที่ถือพระเจ้าอีกหลายคน และสุภาพสตรีที่เป็นคนสำคัญ ๆ ก็มิใช่น้อยด้วย” (2) ไม่เชื่อ พวกนี้อิจฉาพวกแรก และหาเรื่อง ไปคิดคบกับคนพาลตามตลาด รวบรวมกันมาเป็นอันมาก ก่อการจลาจลในบ้านเมือง เข้าบุกบ้านยาโสน กะว่าจะจับเปาโลและสิลาส ออกมาทำร้าย (กจ 17:4-5)
หลายคนเห็นชอบด้วย ติดตาม
ยิวบางคนคุกคาม โกรธขึ้ง
ปลุกฝูงชนล้นหลาม ก่อเหตุ
พวกพาลรานรุมทึ้ง บุกบ้านยาโสน
จับเปาโลไม่ได้ ขุ่นเคือง
สายตาเหลือบชำเลือง พี่น้อง
พาไปหาเจ้าเมือง ร้องว่า
“พวกคว่ำโลกกึกก้อง สู่บ้านเมืองเรา”
พฤติกรรมอย่างนี้ ไม่ควรมีในโบสถ์นะครับ คือ ไปลากอันธพาลนอกโบสถ์ มาข่มเหงผู้เชื่อ ยืมมือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาเล่นงานคนภายใน โรมออกกฎให้ทุกคนภายใต้การปกครอง ยกย่องซีซาร์เป็นกษัตริย์ เขาใส่ความว่า เปาโลเข้ามาสอนให้นับถือพระเยซู เป็นกษัตริย์ แข่งกับซีซาร์ ผมเล่าให้สั้นลง ผลสุดท้ายเจ้าหน้าทีมาจัดการไกล่เกลี่ย วันรุ่งขึ้น พี่น้องจึงส่งเปาโลและสิลาส ออกจากเมืองไป ครับวุ่นน่าดู แต่พี่น้องที่เป็นผู้เชื่อใหม่ๆ เหล่านี้ มิได้ย่อท้อ กลับแข็งแรงขึ้น ยึดมั่นในพระเจ้ามากขึ้น เมื่อไปถึงโครินธ์ เปาโลได้เขียนจดหมาย 1 เธสะโลนิกา หนุนใจหผู้เชื่อเหล่านั้น ท่านชมเชยหลายเรื่องครับ เปาโลชื่นชอบว่า การแสดงออกของพวกเขา บ่งบอกว่า เขาพบพระเจ้าจริง เชื่อจริง สัมผัสพระเจ้าจริง
เปาโลชมพี่น้อง ชื่นรัก
เพราะเขาทำงานหนัก ไม่ท้อ
ศรัทธาก็ประจักษ์ แจ้งชัด
แม้ทุกข์ยากหนักก้อ จิตตั้งหวังใจ
ยิ่งกว่านั้น ชาวกรีกที่เข้ามาเป็นคริสเตียน พวกเขาแสดงออกว่าเชื่อพระเจ้าจริงโดยการ “ละทิ้งรูปเคารพ หันมาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ และเที่ยงแท้ รอคอยพระบุตรของพระเจ้าจ่ากสวรรค์ ซึ่งพระเจ้าทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย คือพระเยซูผู้ทรงช่วยเราให้พ้นจากพระอาชญาที่จะมีมาภายหน้านั้น” (1 ธส 1:9-10)
สิ่งที่เคยกราบไหว้ หนหลัง
พระเจ้าให้กำลัง ทอดทิ้ง
ชีวิตอุทิศหวัง รับใช้
แม้หนาวเหน็บเจ็บกลิ้ง ไป่ทิ้งงานพระองค์
เราทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเชื่อ เราพร้อมทนทุกข์ยาก ปรนนิบัติพี่น้อง ทิ้งทุกสิ่งที่เราเคยรักโปรดทั้งหมดให้พระเยซู ผู้ฟื้นคืนพระชนม์ ทรงเป็นที่หนึ่งในชีวิตน่ะครับ
ขอพระเจ้าอวยพระพร
|