บนเส้นทางความเชื่อ (ตอนที่ 2)


อรัญญา ศรีชอบธรรม

 


ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งเหนือเมืองกิเบโอน

พี่น้องที่ยังไม่รู้จักพระจ้า หรือพี่น้องในพระคริสต์ที่ไม่เชื่อเรื่องของมิติเวลา ท่านอาจจะคิดว่า ฉันละเมอเพ้อพกไปเอง แต่ฉันยืนยันว่าประสบการณ์ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง เวลาหยุดเดิน เกิดขึ้นกับฉันจริง ๆ เมื่อครั้งไปโบสถ์ไม่นานและยังไม่รับเชื่อพระเจ้าด้วย และได้เกิดขึ้นกับฉันอีกเมื่อเร็ว ๆ นี้ ประมาณ 2 เดือนที่แล้ว

ขณะเขียนคำพยานตอนแรก เรื่องนี้รบกวนจิตใจฉันมาก เหตุการณ์ที่ผ่านมาวนเวียนอยู่ในความคิด จนต้องตัดสินนำมาบอกเล่าให้พี่น้องได้รับรู้ ท่านจะคิดอย่างไรฉันคงห้ามไม่ได้จนกว่าท่านจะรับประสบการณ์ด้วยตัวเองนั่นแหละ ท่านจึงจะเข้าใจสิ่งที่ฉันเล่าให้ฟัง พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านที่ยังคลางแคลงใจได้รู้ถึงฤทธิ์อำนาจที่มนุษย์ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และพระองค์จะทรงสำแดงให้มนุษย์ทุกคนได้รู้ตลอดชั่วนิรันดร์ ถ้าผู้นั้นแสวงหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ สุดกำลังความคิดของตนจริง ๆ

โบสถ์แรกที่ฉันเข้าไปเริ่มนมัสการ 9:30 น. เริ่มจากการสอนพระคัมภีร์ก่อน ต่อด้วยร้องเพลงสรรเสริญ และจบด้วยการเทศนา ฉันมักไปถึงช่วงใกล้เทศนา เพราะต้องทำงานมันทุกอย่างจนเรียบร้อยก่อน เช้าวันหนึ่งขณะเตรียมอาหาร 8 โมงกว่าแล้วเกิดความคิดอยากไปให้ทันตั้งแต่เริ่มนมัสการจึงรีบทำอาหารสักพักไปดูนาฬิกา 8:30 น. ฉันคิดว่าคงจะพอทัน กลับมาทำอาหารต่อ แล้ววิ่งไปดูนาฬิกาอีกคง 8:30 ฉันทำอย่างนี้ 2-3 ครั้ง แล้วแอะใจว่า นาฬิกาเสียหรือไม่ จึงขึ้นไปดูที่ชั้นลอยนาฬิกาคง 8:30 ฉันวิ่งขึ้นไปห้องนอนชั้น 2 ดูนาฬิกาอีกคงที่ 8:30 น.เหมือนกัน เวลานั้นฉันเลิกคิดอะไรรีบลงมาทำอาหารเสร็จ เกิดอะไรกับนาฬิกาฉันไม่สนใจ และจะไปทันเวลานมัสการหรือไม่ก็ไม่สน งานบ้านทุกอย่างเรียบร้อย ฉันอาบน้ำแต่งตัวไปโบสถ์ทันที ปรากฏว่าฉันไปถึงเป็นคนแรก ในห้องนมัสการว่างเปล่า อาจารย์ยังไม่ลงมา ฉันรอสักพักอาจารย์จึงลงมา และพักใหญ่ ๆ สมาชิกก็ทยอยมา เริ่มนมัสการ 9:30 น.

 

ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ แล้วเปิดพระคัมภีร์พระธรรมโยชูวาบทที่ 10 อ่านอีกครั้ง ตอนดวงอาทิตย์หยุดนิ่งเหนือเมืองกิเบโอน ยอมรับว่าเมื่ออ่านครั้งแรกนั้นฉันไม่เชื่อ คิดว่าคงเป็นอุปมาเปรียบเทียบอะไรสักอย่างที่ฉันยังไม่เข้าใจ จนฉันประสบด้วยตนเอง เมื่อนาฬิกาหยุดเดิน เวลานั้นฉันอยากร้องไห้ดัง ๆ เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉัน ฉันเป็นใครฉันยังไม่เชื่อพระเจ้า ยังไม่ยอมรับพระองค์เลย แถมยังคิดค้านหลายเรื่องในพระคัมภีร์ ด้วยซ้ำไป แล้วพระองค์ทำให้เกิดเหตุกาณ์อย่างนี้ได้อย่างไร พระเจ้านำฉันออกนอกมิติเวลา แล้วนำฉันกลับเข้ามาในมิติเวลาของโลกนี้ เพื่อให้ฉันได้สิ่งที่ต้องการ คือไปโบสถ์ทันเวลานั่นเอง แต่ถ้าไม่ทันก็ไม่เห็นแปลกอะไร เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว

แล้วเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นกับฉันอีก เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว สายวันนั้นฉันทำอาหาร และคิดอยากดูรายการโทรรทัศน์ที่ฉันติดตามประจำ จากนั้นจะอ่านพระคัมภีร์เพื่อศึกษาบุคคลในพระคัมภีร์ ความจริงวันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจทำอาหารเลย รอดูรายการจบค่อยอ่าพระคัมภีร์ บ่าย ๆ จึงทำอาหาร เพราะร่างกายของฉันยังเจ็บป่วยอยู่ทำอะไรมากหรือทำเร็ว ๆ ไม่ได้ แต่ฉันเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน จึงลงมือทำอาหารไปเรื่อย ๆ คิดว่าไม่ดูโทรทัศน์ก็ได้ ทำอาหารเสร็จเมื่อไหร่ก็พักสักครู่แล้วอ่านพระคัมภีร์ ทำไปสักพักฉันดูนาฬิกา(ขอโทษจำเวลาไม่ได้จริง ๆ) รายการกำลังจะมาแล้ว ฉันทำโน้นทำนี่จนเสร็จเรียบร้อย อดดูนาฬิกาอีกไม่ได้ ปรากฏว่าเข็มนาฬิกาแทบไม่ขยับไปจากครั้งแรกที่ดูเลย ฉันคิดว่านาฬิกาถ่านหมดแล้ว เดินเข้าบ้านตั้งใจพักสักครู่หนึ่ง ดูนาฬิกาในบ้านทำไมยังไม่ถึงเวลาของรายการโทรทัศน์ที่ฉันอยากดู ปรากฏว่ายังไม่ถึงรายการนั้น สักพักใหญ่จึงถึงเวลาของรายการฉันได้ดูตามต้องการ และคิดว่าต้องบอกให้สามีดูว่านาฬิการเสียหรือไม่ สามีกลับมาจากโรงงานตอนเย็นตรวจดูนาฬิกาตามปกติทุกอย่าง และทั้งวันนาฬิกาก็เดินเป็นปกติ วันนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรเลย

 


ผ่านไป 2-3 วัน ขณะอ่านพระคัมภีร์ฉันจึงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ใจฉันพองโตน้ำตาเอ่อล้น อะไรกันนี่เกิดอะไรขึ้นอีกเลย ฉันเริ่มขอโทษพระเจ้าที่เอาความอยากดูโทรทัศน์มาก่อนอ่านพระคัมภีร์ แต่พระองค์ยังเมตตาให้ฉันได้ดูรายการนั้น ตอกย้ำให้ฉันเห็นถึงฤทธิ์อำนาจของการเป็นพระผู้สร้างของพระองค์อีกรั้ง ทรงนำฉันออกมาจากมิติเวลาของโลก แล้วนำฉันกลับเข้ามาอีกทันเวลาที่ฉันต้องการ แม้เป้าหมายครั้งนี้ อยู่ที่ความอยากของตัวเองมาก่อนการเข้าพบองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์รักฉัน ตามใจฉัน ให้ฉันได้รับความเพลิดเพลินทางโลกบ้าง แล้วจึงนำกลับมาหาพระองค์ ประสบการณ์ครั้งนี้ ยิ่งทำให้เข้าใจลึกลงไปในพระคัมภีร์ว่า ทุกตอนทุกเรื่องคือความจริง พระเจ้าทรงทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นแน่นอน (มาระโก 6:27) เพียงแต่ฉันต้องรักษาไฟพระวิญญาณให้ลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา (เลวีนิติ 6:9,12-13) แล้วฉันจะเห็นจะเข้าใจเรื่องอัศจรรย์ซึ้งเกิดขึ้นมากมาย บนโลกนี้ด้วยฤทธิอำนาจของพระองค์เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง เป็นผู้กำกับทุกอย่างบนโลกนี้ ตลอดจนจักวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งไม่มีสติปัญญาของมนุษย์คนใดจะเข้าใจได้ และรู้ไม่ได้ถ้าพระองค์ไม่ประสงค์ให้ผู้นั้นรู้

ฉันขอยืนยัน และใช้ชีวิตของฉันเป็นพยานกับพี่น้องที่เพิ่มเคยมาโบสถ์เป็นครั้งแรกหรือพี่น้องที่เคยมาแล้ว แต่ยังสงสัย ยังไม่รับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ ขอให้มุ่งมั่นแสวงหาพระเจ้าจริง ๆ แล้วท่านจะพบพระองค์แน่นอ พระเจ้ารักท่าน พระองค์ยื่นมือลงมาเบื้องหน้าท่านแล้ว ท่านจะกุมมือนั้นไว้หรือไม่ ท่านต้องตัดสินใจด้วยตัวของท่านเอง

หากท่านอ่านคำพยานแล้ว อยากคุยกับฉัน ฉันยินดีจะเล่าถึงพระคุณความรักของพระเจ้าที่ท่วมท้นชีวิตฉันรวมไปถึงคนในครอบครัวของฉันทุก ๆ คน ตั้งแต่ฉันก้าวเข้าโบสถ์ด้วยความคิดกตัญญูเป็นแรงจูงใจ จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งยังมีอีกมากมายให้ท่านได้รับรู้ได้ฟัง เพื่อหนุนใจให้ท่านรู้จักพระเจ้ามากขึ้น เมื่อท่านแสวงหารด้วยจิตใจของท่านจริง ๆ ไม่เพียงแต่เท่านั้นที่จะได้รับพระคุณความรักของพระองค์ แต่คนในครอบครัวของท่านจะรับพระพรยิ่งใหญ่อย่างถ้วนทั่วทุกคนจริง ๆ (อพยพ 20:6)

สดุดี 111:4
พระองค์ทรงให้การอัศจรรย์ต่าง ๆ ของพระองค์เป็นที่ระลึกถึง
พระยาเวห์ทรงมีพระคุณ และทรงพระกรุณา

 










 





Visitor 121

 อ่านบทความย้อนหลัง