อิมมานูเอล

ศบ.

 

  อิสยาห์ 7:14 “เพราะ​ฉะนั้น องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จะ​ประทาน​หมาย​สำคัญ​เอง ดู​เถิด หญิง​สาว คน​หนึ่ง​จะ​ตั้งครรภ์ และ​คลอด​บุตร​ชาย​คน​หนึ่ง และ​เขา​จะ​เรียก​นาม​ของ​ท่าน​ว่า  อิม​มานู​เอล” (พระเจ้าทรงอยู่กับเรา)

 

          คำพยากรณ์นี้  อิสยาห์ได้กล่าวไว้  ในสมัยของท่านประมาณ 700  ปีก่อนพระเยซูประสูติ ผมเล่าที่มาของคำพยากรณ์นี้สักหน่อย หลังยุคของกษัตริย์ซาโลมอน ยิวแยกออกเป็น 2 อาณาจักร  คือฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ฝ่ายเหนือ ที่เรียกว่า เอฟราฮิม มีสะมาเรียเป็นเมืองหลวง  ส่วนฝ่ายใต้ คือยูดาห์นั้น มีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง ตอนนั้นอาณาจักรฝ่ายใต้มีกษัตริย์ อาหัส  โอรสของโยธามปกครอง อาณาจักรฝ่ายเหนือไปจับมือกับซีเรีย ยกทัพมารบกับอาหัส รบครั้งแรกก็ไม่ชนะ แต่ก็ไม่เลิก ครั้งหลังนี้ ยกมาตั้งค่ายอยู่ที่เอฟราฮิม เตรียมพร้อมเข้ามาโจมตีอีก เล่นเอสทั้ง อาหัสและประชาชนอดสั่นขวัญหาย    

                                     

 

ตอนนั้น  อิสยาห์เป็นผู้เผยพระวจนะ พระเจ้าทรงตรัสผ่านท่าน ให้ไปบอกอาหัสว่า “อย่ากลัว อย่าครั่นคร้าม  สงบพระทัยไว้   ไอ้สองอาณาจักรที่รวมหัวกัน  จะยกทัพมารบคราวนี้  มันเป็นดุ้นไฟที่กำลังมอด จวนจะดับอยู่แล้ว” ผมชอบคำหนุนใจจากผู้เผยพระวจนะอิสยาห์จัง เวลาศึกหนัก ๆ โหมโรมรันเรา ฟังคำหนุนใจอย่างนี้แล้วชื่นใจ  ราวกับได้ดื่มน้ำเย็นกลางหน้าร้อน  “มันจะไม่เป็นไป  มันจะไม่เกิดขึ้น อีก 65 ปี เอฟราฮิม (อาณาจักรฝ่ายเหนือ) จะแตกเป็นชิ้นๆ ไม่เหลือซาก” (อสย 7:7)  ส่วนยูดาห์  ราชวงศ์ของดาวิด  พระเจ้าจะให้มีหญิงสาวคนหนึ่งตั้งครรภ์  เธอจะคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล แปลว่า “พระเจ้าอยู่กับเรา” (อิสยาห์ 7:14 )  เป็นคำทำนายอนาคตของ อาณาจักรฝ่ายเหนือ และราชวงศ์ของดาวิด    น่าเสียดายน่ะครับ อาหัส ซึ่งปกครอง ราชสำนักของดาวิด มิได้เชื่อ แทนที่จะวางพระทัยในพระเจ้าว่า  “พระเจ้าทรงอยู่ด้วย”   ไม่ต้องหวาดกลัว  อาหัสกลับไปพึ่งพา อัสซีเรีย  ให้มาช่วย ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรฝ่ายใต้  คือยูดาห์ก็ถูกอัสซีเรียนั่นเอง ยกทัพมารบและกวาดไปเป็นเชลยเช่นเดียวกัน  (อิสยาห์ 8:5-8)  

 

        คำทำนายนี้ เป็นคำทำนายที่มองไกลไปข้างหน้า กว่า 700 ปี  กล่าวถึงการประสูติของพระเยซู ไม่ต้องสงสัยน่ะครับ  อาณาจักรทั้งฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ถูกบาบิโลนตีแตกยับเยิน กวาดต้อนไปเป็นเชลย จนภายหลังพระเจ้าให้ยิว กลับมาสร้างเมืองใหม่ แต่คำทำนายของอิสยาห์ไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อมารีย์ตั้งครรภ์โดยเดชพระวิญญาณ พระเจ้าตรัสบอกให้โยเซฟไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยา  เพราะบุตรที่อยู่ในครรภ์นั้นเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ นอกจากนั้นแล้ว  ยังบอกให้โยเซฟตั้งชื่อ  บุตรชายที่จะประสูติมานั้นว่า “เยซู” แปลว่า “พระผู้ช่วยให้รอด” ทั้งนี้เป็นตามคำทำนายของอิสยาห์  ที่ผมเล่ามาแล้ว ว่า “ดูเถิด หญิงพรหมจารีย์คนหนึ่งจะตั้งครรภ์  และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง เขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล  (แปลว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา)

 

    การเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูนั้น   เป็นตามความหมายนี้

 

1. พระเจ้าเสด็จมาบังเกิดในโลกเรา         

                                                   

แต่ก่อนแต่ไร เรารู้จักพระเจ้า ความรักของพระองค์จากธรรมชาติ ที่พระองค์ทรงสร้าง ความสวยงาม ความอุดมสมบูรณ์ เพียบพร้อมให้เราได้กินได้ใช้ เรารู้จัก พระพิโรธของพระเจ้าจาก  อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย จากสิ่งไม่สวยไม่งามที่สอดแทรกเข้ามาในธรรมชาติ เรารู้จักพระองค์จากผู้เผยพระวจนะที่พระองค์ทรงทำพระราชกิจผ่าน   เราทราบพระบัญญัติ 10 ประการ จากการที่โมเสสขึ้นไปรับมาจากพระเจ้า บนภูเขาซีไน  เราทราบจากพระคัมภีร์เดิมที่ถูกบันทึกไว้  ทั้งหมดนี้มันช่างเข้าใจพระเจ้าได้เลือนลางเต็มที ครั้นพระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก  พระองค์ทรงบังเกิดอย่างเรา โตขึ้นอย่างเรา เดินดินกินข้าวแกงอย่างไร อย่างนี้ซิเราเรียกนามพระองค์ว่า อิมมานูเอล คือ “พระเจ้าอยู่กับเรา”

 

 2. พระเยซูอยู่กับผู้คน

 

      พระเยซูทรงอยู่กินกับคนบาป การแบ่งชั้นวรรณะระหว่างคนด้วยกัน มีในแทบทุกประเทศ แขก ฝรั่ง จีน ไทย และแม้แต่ชาวเขาชาวดอย การเหยียดคนจน คนไร้การศึกษา คนบ้านนอกคอกนา เหยียดผิว มีกันทั่ว ประเทศยิวก็ไม่เว้น ฟาริสี เองก็ดูถูก สะดูสี พวกธรรมาจารย์ดูถูกคนเก็บภาษี เหยียดหยามหญิงโสเภณี ยิวดูถูกสะมาเรีย และคนต่าง ชาติ ทุกชาติ เรียกเขาว่า “คนนอกรีต” แต่เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าในโลก พระองค์ไม่ดูถูกใคร พระเยซูได้ชื่อว่าเป็นสหายของคนบาป พวกยิวถามสาวกของพระเยซูว่า”เหตุไฉนอาจารย์ของท่านจึง รับประทานด้วยกันกับพวกคนบาป และคนเก็บภาษี” (มาระโก 2:16)  พระองค์เป็นพระเจ้าสูงส่ง ทรงสร้างโลกของเรา สร้างมนุษยชาติ  เมื่อเสด็จเข้ามาในโลก พระองค์ไม่รังเกียจ เรา แต่กลับมาอยู่กินกับเรา  สนิทชิดเชื้อกับเรา ถ้าพระองค์ทรงประทับห่างไกลเรา  พระองค์จะช่วยเราได้อย่างไร นี่ซิ  “อิมมานูเอล” 

                                      

 

3. พระเยซูทรงทุกข์ยากลำบากเหมือนเรา

 

      ผู้เขียนพระธรรมฮีบรู กล่าวว่า “เรามิได้มีปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป ฉะนั้นให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ” (ฮีบรู  4: 15-16) พระเยซูทรงหิวอย่างเรา กระหายน้ำอย่างเรา เหน็ดเหนื่อย บรรทมหลับเพราะความเหน็ดเหนื่อยอย่างเรา พระองค์เดินเหิน ตากแดด พระเสโทไหล ถูกการล่อลวงอย่างเรา เจ็บปวด ทนทุกข์ยิ่งกว่าเราเสียอีก พระองค์ทรงทราบความอ่อนแอของร่างกาย คนเราถ้าไม่ได้ไปนั่ง สัมผัส ชิม  ความทุกข์ใจเพราะปัญหา การถูกโจมตี ความผิดหวัง สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก        เราจะไปเข้าใจคนที่เขาเจ็บปวดเรื่องนี้ได้อย่างไร พระเยซูสัมผัสสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งหมด นี่ซิ  สมชื่อ  “อิมมานูเอล”

 

                                                       

 

4. วายพระชนม์แทนเรา 

 

      โทษของความผิดบาปที่เราควรได้รับ พระองค์ทรงรับแทนเรา ในศาล ผู้ที่เป็นปากเป็นเสียงให้จำเลย คือ ทนาย หญิงผิดประเวณีที่ถูกพวกยิวพิพากษา ให้เอาก้อนหินขว้างถึงตาย ตามบัญญัติโมเสส คนที่ทำให้เธอรอดตาย คือพระเยซู เวลาเรากลับใจจากบาป วางใจพระองค์ พระองค์  คือ ทนายสู้ความแทนเรา เราอยู่ภายใต้ร่มพระคุณ  เราอบอุ่น  ปลอดภัย เพราะพระองค์ทรงคุ้มครองเรา “เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” ครับ ทรงเป็นอิมนานูเอล เคียงข้างเรา

 

5. ทรงเป็นขึ้นจากความตาย ประทับกับเรา

 

      ถ้าพระองค์ตายแล้วตายลับ ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี วันนี้เรื่องราวของพระเยซูก็คงเป็นแต่เพียงประวัติศาสตร์  จะเป็นประวัติศาสตร์ที่เลอเลิศแค่ไหนก็ตาม พระองค์ก็มิได้อยู่กับเราแล้ว คงทิ้งไว้แต่เรื่องดี ๆ  ความทรงจำ แต่พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตาย ทรงพระชนม์อยู่วันนี้ อยู่ด้วยกับที่กับใจใหม่ และผู้เชื่อถือในพระองค์ทุกคน “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าทรงอยู่กับเรา” เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว เป็นหมอประจำตัว เป็นผู้อยู่เคียงกายเราทุกเรื่อง   

 

 6. ทรงเป็นสันติสุข  อยู่ในใจเรา           

                   

 ใจเราเหมือนบ้าน มีประตูทางเข้า ภายใน เราเป็นผู้ถือกุญแจ เราล็อคกลอนปิดประตู เราเอาอะไรเข้าไปไว้ในใจเราก็ไม่รู้ วันนี้ พระองค์ทรงเคาะเรียกเราให้เราเปิดใจ “นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้น และรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะร่วมรับประทานอาหารร่วมกับเรา” (วิวรณ์ 3:20) รับประทานอาหารร่วมกับพระเยซู เวลาทานอาหารเป็นเวลาที่เรามีความสุข เราชอบ บุบเฟ่ โต๊ะจีน  หรือแม้ขันโตก เวลากินเราไม่รีบร้อน กินไปคุยไป  หัวเราะกันไป ความสุขความยินดี ที่มีกับพระเยซูผู้เป็น อิมมานูเอล นั้นมีได้ทุกวันครับไม่จำเป็นต้องรอเทศกาลพิเศษ 

 

7. ทรงอยู่กับเราในการรับใช้ 

 

    ก่อนพระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ทรงมีพระมหาบัญชา ส่งสาวกออกไปประกาศพระกิตติคุณ การออกไปพวกสาวกต้องเผชิญภัยอันตรายนานา พระองค์เคยตรัสว่า พระองค์ใช้พวกเขาไป เหมือนลูกแกะอยู่ท่ามกลางสุนัขป่า คราวนี้ยิ่งกว่าในอดีต  พระองค์ทรงจากพวกเขาไป แต่พระองค์ตรัสว่า “นี่แหละ เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” (มัทธิว 28:20)  สุดยอด พระสัญญา “อิมมานูเอล” พระเจ้าอยู่กับเรา ไม่ว่าเราจะขึ้นเขาลงห้วย เหินฟ้า ดำดิน  หัวหกก้นขวิด เผชิญอะไร ที่ไหน  ทรงอยู่ด้วยตลอดกาล   

 

                                    

 

     กษัตริย์อาหัส  ของยูดาห์  เมื่อพระเจ้าให้พระสัญญาว่า “อย่ากลัว พระองค์ทรงเป็น อิมมานูเอล จะทรงอยู่ด้วย ” แทนที่อาหัสจะวางใจพระเจ้า พระองค์กลับวิ่งพล่านไปโน่นมานี่ หาตัวช่วยทั่วไปหมด ทำให้พระเจ้าหนักพระทัย  (อิสยาห์ 7:13)  เราอย่าเป็นอย่างอาหัสน่ะครับ วางพระทัยใน พระเยซูผู้ทรงนามว่าอิมมานูเอล  แล้วสิ่งดีต้องเกิดกับเราอย่างแน่นอน 

  

     ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ    

 

 

 

 

 

 

 



Visitor 801

 อ่านบทความย้อนหลัง