คำสัมภาษณ์สุดท้าย ของ บิลลี่ เกรแฮม

ศบ.

 

บิลลี่ เกรแฮม ผู้ประกาศระดับโลก  เป็นที่รักของคริสเตียนทั้งหลาย  จากไปอยู่กับพระเจ้า  เมื่อวันพุธ เช้าที่ 21 กุมภาพันธ์  2018 ที่ผ่านมา บิลลี่ เกรแฮม  เกิดที่รัฐ นอร์ท คาโลไรน่า  สหรัฐอเมริกา  เมื่อวันที่  7 พฤศจิกายน  1918  รวมอายุของท่านทั้งสิ้น 99 ปี  ท่านเป็นที่ปรึกษาของศิษยาภิบาล และประธานาธิบดีของ สหรัฐ อเมริกา ร่วม 10  คน ท่านเทศนาประกาศในที่ประชุมใหญ่ ในชั่วชีวิตของท่าน  มีคนเข้ามาฟังท่านเทศนาในที่ประชุมของท่าน ประมาณ  215  ล้านคน จาก 185  ประเทศทั่วโลก  

 

             2-3 ปีก่อน ผมนำคำเทศน์ ของบิลลี่ เกรแฮม กัณฑ์สุดท้าย มาลงในสูจิบัตร  วันนี้ ผมขอนำ คำให้สัมภาษณ์ของท่าน ครั้งสุดท้าย  ที่บ้านพักของท่านมาลงในสูจิบัตรฉบับนี้  ผมแปลมาจากเสียงในยูทูป  บางตอนผมอาจได้ยินไม่ชัด  แต่ผมคิดว่า ไม่พลาดไปจากเนื้อหาทั้งหมดนัก

 

               “เมื่อผมย้อนมองดูอดีตชีวิตที่ผ่านมา  ผมไม่เคยคิดว่าผมจะมีเพื่อนมากมายจากหลายประเทศทั่วโลกเช่นนี้  ผมพูดได้ว่า  พระหัตถ์ของพระเจ้าทรงอยู่ด้วยกับผม  ตั้งแต่ผมเริ่มเทศนาหลายปีมาแล้ว  ไม่เคยคิดว่าพระเจ้าจะทรงกระทำการของพระองค์เพียงนี้  ประเทศของเราได้สนับสนุนผมฝ่ายวิญญาณ  คนจำนวนมาก ประเทศต่อประเทศ   เหินห่างพระเจ้า ซึ่งผมเห็นว่าพระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาได้  โดยไม้กางเขน   ผมต้องการบอกให้คนทั้งหลายทราบถึงไม้กางเขน  ไม้กางเขนโบราณของพระคริสต์  พระองค์รักท่าน  ยกโทษความผิดบาปของท่านได้   ใจของผม  ปรารถนาให้ ท่านได้ พบกับไม้กางเขน  ที่ทำให้ท่านต้องเลือก  ผมคิดถึงคนจำนวนมากที่ออกมายืนรับเชื่อหน้าที่ประชุม  คนเหล่านี้มี

 

                              

 

พื้นฐานชีวิตแตกต่างกัน  เขาต่างกันหลากหลายมาก เขาคือคนที่พระเจ้ารักมาก พระองค์ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์  วายพระชนม์ที่ไม้กางเขน  

 

             ไม้กางเขน คือ การลงทัณฑ์โหดร้ายที่สุด ที่พวกโรมันใช้ประหารนักโทษฉกรรจ์  พระเยซูทรงทนทุกข์ที่กางเขนทุกอย่างเพื่อเรา  ไม่มีใครอยากมองดูไม้กางเขน  แต่พระองค์รับโทษนั้นเพื่อเรา  การเพียงแต่รับปากกับพระองค์ นั้นไม่เพียงพอ    แต่เราควรใช้ชีวิตเพื่อพระองค์ด้วย  บาปคือการทำตามใจตนเอง  บาปส่งผลต่อ จิตใจ  อารมณ์  และการเลือกของเรา  แต่เราสามารถหลุดพ้นจากการผูกมัดเหล่านี้ได้  พระเจ้าจะประทานกำลังให้เรา พระคัมภีร์กล่าวว่า  “เหตุฉะนั้น  ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์  ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว  สิ่งสารพัดเก่า ๆ ก็ล่วงไป  นี่แน่ะ  กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

 

             พระองค์ทรงทำให้ท่านเป็นคนใหม่อย่างสิ้นเชิง  พระเยซูทรงรับแบกบาปของเราบนพระองค์เอง  ก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงที่ไม้กางเขน  พวกโรมันเฆี่ยนพระองค์ ปางตาย  แล้วเขาก็นำพระองค์ไปตรึง  นอกกรุงเยรูซาเล็ม  ตอกตะปูที่ฝ่ามือฝ่าเท้า        ขณะที่พระองค์เจ็บปวดทรมาน  พระเยซูตรัสว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์  พระเจ้าของข้าพระองค์  ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” ในชั่วโมงแห่งความทุกข์ทรมานนั้น พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิต  

 

             ไม่มีหนทางอื่นที่มนุษย์จะรอดได้ เว้นไว้แต่ทางไม้กางเขน  พระเยซูตรัสว่า  “เราเป็นทางนั้น  เป็นความจริง และเป็นชีวิต   ไม่มีผู้ใดไปถึงพระบิดา  เว้นไว้มาทางเรา” หนทางเดียวเท่านั้นที่ไปถึงพระบิดา  คือทางพระบุตรของพระองค์  พระเยซูคริสต์  พระเยซูเป็นบุคคลเดียวที่บังเกิดในโลก  โดยพระองค์ไม่ได้ทำบาป  เมื่อเรามาหาพระองค์  พระเจ้าทรงสวมพระคริสต์

 

บนเรา พระเจ้ามิได้ทรงแลเห็นโทษบาปเราอีก แต่ทรงทอดพระเนตรเห็นพระเยซู

 

             เมื่อท่านมาหาพระคริสต์  ท่านเข้ามาทางการกลับใจเสียใหม่  กลับใจแปลว่า  เราเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต  หันจากความบาปผิด  วันนี้ผมเชิญชวนให้ท่านวางใจในพระคริสต์   ผมขอให้ท่านอธิษฐานเช่นนี้กับผม ประโยคต่อประโยค  พร้อมกับผม

 

                  “พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ที่รัก   ลูกรู้ว่าลูกเป็นคนบาป  และลูกทูลพระองค์ทรงยกโทษ  พระองค์ทรงวายพระชนม์ให้ลูก  และทรงฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย   ลูกเสียใจ  และขอหันจากความผิดบาป   ลูกขออัญเชิญพระองค์เสด็จมาประทับในใจของลูก ลูกปรารถนาวางใจ และติดตามพระองค์ ให้พระองค์เป็นเจ้านาย และพระผู้ช่วยให้รอดของลูก  ลูกทูลขอในพระนามพระเยซู   อาเมน”  

 

                   ซาบซึ้งจริง ๆ 

 

                                   

 

ท่านเป็นผู้รับใช้ตัวอย่าง  ที่น่าประทับใจยิ่ง  บิลลี่  เกรแฮม ในมุมมองของผม  ตอนผมเป็นเด็กรวีฯ  เรียนหนังสือชั้น ป. 4  หนังสือคริสเตียนเล่มโต ๆ มีให้อ่านไม่มากนัก  แต่ผมได้เห็นหนังสือ 2 เล่มที่เขียนโดย บิลลี่  เกรแฮม ชื่อภาษาไทยว่า “สันติสุขในพระเจ้า” และอีกเล่มหนึ่ง  คือ “เพลิงโลกัณฑ์”  ผมได้อ่าน  ทั้งสองเล่มเขียนเพื่อเชิญชวนคนมาเชื่อพระเยซู  ต่อมาผมได้ศึกษาชีวิตของท่าน  บิลลี่  เกรแฮม  ฉายแววการเป็นผู้ประกาศที่ไม่ธรรมดา  มาตั้งแต่เป็นนักศึกษาพระคริสตธรรม นักเรียนพระคัมภีร์ผลัดเวรกันไปเทศนาให้นักโทษฟังที่คุก   นักเรียนแต่ละคนไปเทศน์  ก็พูดไปโดยไม่มีนักโทษคนไหนมาเกาะกรงเหล็กหน้าคุกฟัง  พูดไปโดยหวังว่า  นักโทษนั่งหรือนอนในห้องขังย่อมได้ยินคำเทศน์ไป  แต่พอถึงเวรของท่าน ท่านตะโกนเสียงดัง  จนนักโทษทุกห้องขังมาเกาะกรงเหล็กหน้าห้อง  มาดูว่าพ่อหนุ่มคนนี้บ้าหรือยังไง  

 

พอนักโทษทุกคนมาเกาะกรงดูท่าน  ท่านจึงเริ่มเทศน์พระกิตติคุณ  ท่านไม่ยอมเทศน์ให้นักโทษนั่ง ๆ นอน ๆ ฟัง ผมจำเรื่องนี้ไม่ลืม  บิลลี่  เกรแฮม  ไม่เคยมาเมืองไทย  แต่ผมเคยอยู่ในประชุมของท่าน  3 ครั้ง  ครั้งแรก  ปี 1974  ที่เมืองโลซานน์   ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อว่า “ให้ชาวโลกได้ยิน” (Let the Earth hear His Voice)  ปีนั้นผมไปเรียนพระคัมภีร์  SOE  ของ YWAM  ที่นั่นพอดี  ประชุมของท่านมี 10 วัน นักเทศน์จากเมืองไทยไปร่วมประมาณ 10 -12 คน ครั้งนั้นผมตั้งใจว่าจะสมัครเข้าไปสัมมนา ด้วย  แต่ค่าสมัครแพงเหลือเกิน  ผมไม่มีเงินจึงสมัครเป็นปฏิคม  อยู่ในแผนก Lost and Found  คือ  “รับแจ้งของหายและคืนของให้เจ้าของ” ง่ายสบาย ๆ ทำแค่ผลัดครึ่งวันเช้า  ตอนบ่ายและค่ำ ผมได้ฟังเทศน์ตลอด  มีอาหารกินทุกมื้อ วันหนึ่ง  ท่านเทศน์ประกาศที่สนามฟุตบอลที่โลซานน์  จุคนได้ประมาณ 60,000 คน นั่นคือครั้งแรกที่ผมได้ฟังท่านเทศนาประกาศ วันนั้นมีคนออกมารับเชื่อหน้าเวทีประมาณ 5,000 คน  ระหว่างการประชุม ท่านกำลังสนทนากับ ดร. มูนี่  แฮม  ผอ. ผู้ก่อตั้งมูลนิธิศุภนิมิต  ผมขอเข้าไปถ่ายรูปท่าน  ปฏิคมหน้าห้องขอเอากล้องผมไปถ่ายให้  และนี่คือรูปถ่ายที่ผมถ่ายมา   ท่านไม่ถือตัวอะไร


                                  

 

  ปี 1983  ท่านจัดประชุมผู้ประกาศใหญ่ที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์ ชื่อว่า “งานของผู้ประกาศ” (The Work of An Evangelist) ผมไม่ได้ไป  ต่อมาปี 1986 ท่านจัดอีก คราวนี้มีชื่อว่า “การทรงเรียกผู้ประกาศ” (The Calling of an Evangelist)  ผู้รับใช้ชาวไทยไปกันเยอะ ในปีนั้น  เขาไม่อนุญาตให้ผู้รับใช้ คนที่เคยไป ไปอีก แต่ให้คนที่เคยไปช่วยเสนอชื่อคนที่ยังไม่เคยไป  อาจารย์รุ่ง  กอธีระกุล  ศิษยาภิบาลคริสตจักรบ้านพระคริสต์ (ตอนนั้น) ท่านเสนอชื่อผม  และผมก็เสนอชื่ออาจารย์บุญมาก ภีระมูล ด้วย  เราสองคนจึงไปไปร่วมประชุมในปีนั้นด้วย  มีผู้ประกาศจากทั่วโลกไปร่วมประชุมทั้งหมดประมาณ   7,000 คน 


                                            

 

ในปี  2000  ท่านจัดอีก  คราวนี้มีชื่อว่า “พันธกิจของผู้ประกาศ” ( The Mission of an Evangelist)  ผู้รับใช้ทั่วโลกไปกันกว่า 10,000  คน อาจารย์บุญมาก  และผมได้ไปร่วมประชุมอีกครั้ง แต่ในคราวนี้  บิลลี่  เกรแฮมเองไม่อาจมาร่วมประชุมได้  เพราะความเจ็บป่วย  ลูกสาวของท่าน  อาจารย์  เกรแฮม  ลอท  Graham Lot  และลูกชายคือ อาจารย์ แฟรงกลิน  เกรแฮม Franklin  Graham  เกรแฮม ลอท เทศน์เก่งเสียด้วย แน่นอน ในที่ประชุมมีนักเทศน์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ประชุมเปิดวิดีโอ บิลลี่ เกรแฮม  พูดกับผู้รับใช้  ทุกคนในที่ประชุมฟังท่านพูดในวิดีโอ ด้วยความตั้งใจ  

 

          ผมจำคำพูดของท่านได้  ที่ผมจำไม่ลืม  “ผมไม่ได้ไปประกาศในท้องที่ต่าง ๆ ที่ท่านไป  แต่ขอให้ทราบว่าใจผมอยู่กับท่าน”  ที่ประชุมฟังท่านด้วยน้ำตาซึมตาม ๆ กัน  ท่านประกาศพระกิตติคุณด้วยตัวท่านเองมาชั่วชีวิต  ทำมากด้วย ประกาศกับคนเป็นล้าน ๆ  ยิ่งกว่านั้น  ท่านทุ่มเทส่งเสริมให้คริสเตียนทั่วไป ประกาศพระกิตติคุณ  เพื่อชาวโลกจะได้รับความรอด  เงินที่หามาไม่ใช่น้อย ๆ  ผมทราบว่า ท่านหาทุนมาเพื่อผู้ประกาศโดยเฉพาะประเทศโลกที่สาม ที่ไปร่วมสัมมนา หัวละประมาณ 60,000-70,000 บาท  เป็นค่าเครื่องบิน  ค่าอาหาร  ค่าที่พัก  ถามว่าท่านทำอย่างนี้ทำไม  คำตอบ คือ  ท่านอยากหนุนใจให้ผู้รับใช้พระเจ้าทั่วโลก  ประกาศพระกิตติคุณ  ครับ  นี่คือหัวใจของท่าน  อยากให้ผู้รับใช้ที่กระจัดกระจายกันทั่วโลก ในยุโรป อเมริกา ในอัฟริกา  ละตินอเมริกา เอเชีย  ในประเทศอิสลาม  ประเทศคอมมิวนิสต์ ฯลฯ  ประกาศครับ   เราที่ไปสัมมนา มิได้กลับมามือเปล่า  องค์การของท่านเตรียมหนังสือ คู่มือพระคัมภีร์  คู่มือติดตามผล  การให้คำปรึกษา   เทป  สมัยนั้นยังไม่มีซีดี  เราแบกกลับบ้านมาคนละกระเป๋าโต ๆ   

 

            ผมได้อ่าน อัตชีวประวัติที่ท่านเขียน ท่านเป็นเพื่อนของประธานาธิบดีอเมริกาทุกคน  ประธานาธิบดีคนแรกทีบิลลี่  เกรแฮม  ไปพบคือประธานาธิบดี ทรูแมน  ปี 1949   ประธานาธิบดีเชิญท่านไปพบในเวลาสั้น ๆ เพราะตอนนั้น บิลลี่    เกรแฮม  จัดประชุม โด่งดัง คนอเมริกันชอบ  สิ่งที่ท่านถามประธานาธิบดี คือ “ท่านพอจะเล่าความเชื่อในศาสนาของท่านให้ผมฟังได้ไหมครับ”  วันนั้นลงเอย ด้วยท่านชวนประธานาธิบดีอธิษฐาน 

 

                    ผมเล่าให้ฟังแล้วว่า  ปี 2015  อาจารย์  แฟรงกลิน ลูกชายของท่านต้องการ ทำให้ท่านประหลาดใจ       โดยจัดคนมาฟังเต็มอัฒจรรย์  และอยากให้ท่านพูดอะไร สั้นๆ กับที่ประชุม ถือเป็นการคุยกับคนอเมริกันครั้งสุดท้าย   เพราะสุขภาพท่านไม่ดีอย่างในอดีต  กลัวพ่อจะยืนไม่ได้นาน  วันนั้นท่านทำให้ที่ประชุมประทับใจ  คือท่านเทศนาประกาศ โดยที่หลายคนไม่คิดว่าท่านจะทำได้ เพราะสุขภาพของท่าน  และล่าสุด  คำสัมภาษณ์สุดท้ายที่ผมถอดมาจาก You Tube วันนี้  ไม่หนีไปจากเรื่องสำคัญที่สุดในหัวใจของท่านคือ “ไม้กางเขนของพระเยซู”  ทั้งนำให้คนฟังรับเชื่อด้วย  ครับ  ตั้งแต่หนุ่ม จนอายุ 99 ปี หัวใจท่าน  คือ  “นำคนมาเชื่อพระเยซู”  วันนี้ท่านจากไปอยู่ในอ้อมกอดของพระเยซู  นี่คือ ยอดผู้รับใช้

 

                      เยี่ยมที่สุดครับ 

 



Visitor 474

 อ่านบทความย้อนหลัง