พระองค์ทรงปั้น ตัวท่านเสมอ    

ศบ.

       อิสยาห์ 64:8 ; เยเรมีย์ 18:1-9

 

       ข้า​แต่​พระ​เจ้า แต่​พระ​องค์​ยัง​ทรง​เป็น​พระ​บิดา​ของ​ข้า​พระ​องค์ ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย เป็น​ดิน​เหนียว และ​พระ​องค์​ทรง​เป็น​ช่าง​ปั้น ข้า​พระ​องค์​ทุก​คน​เป็น​ผล​พระ​หัตถ​กิจ​ของ​พระ​องค์ (อสย 46:8) 

 

       สัปดาห์นี้  ทางราชการเขา มีวันครู  ส่วนที่โบสถ์เรา น้อง ๆ คณะครูรวีฯ  เขาเพิ่งจัดสัมมนา “ครูปั้นครู” ไป เพื่อช่วยครูรวีฯทั้งหลายในองค์กรฯ ให้ทำงานครูที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตั้งแต่ผมสัมผัสพระเจ้า ผมก็อยู่กับงานครูมาโดยตลอด  ผมสนุกทั้งตอนเตรียมสอน และตอนสอน บางครั้งก็มีนักเรียนน้อย บางครั้งก็มีนักเรียนเต็มห้อง ว่ากันว่า นักฟุตบอล เล่นได้ดีเวลามีคนมาเชียร์เต็มอัฒจันทร์ ครูก็เช่นกัน สนุกยิ่งขึ้นเมื่อมีนักเรียนซักถาม   มาเข้าเรื่องเสียที  ผมอยากพูดเรื่อง พระเจ้าเป็นพระครูยิ่งใหญ่ผู้ปั้นเรา

 

        ทรงปั้นเรา เหมือนพ่อแม่ปั้นลูก 

 

        พระเจ้าปั้นเราให้ใช้การได้เหมือนพ่อแม่ปั้นลูก  ผมมีลูก 3 คน เขาว่าช่วงที่ปั้นลูกได้ดีที่สุดก็คือช่วงวัยเด็ก  หมายถึง ก่อนวัยทีน  คือ ตั้งแต่แบเบาะจนถึง 13 ปี  เพราะในช่วงนี้เพื่อนฝูงไม่มีอิทธิพลกับเขาเท่าพ่อแม่ จะสอนอะไร  พูดอะไร แกฟังเราหมด  แต่พอถึงวัยทีน หรือวัยรุ่น ตั้งแต่ 13 ปีเป็นต้นไป เพื่อน ๆ เริ่มมีอิทธิพลกับแกขึ้นมา เพื่อนเริ่มใส่ความคิด โน่น นี่ นั่น ที่สวนทางกับความคิดพ่อแม่  และลูก เขาก็เริ่มฟังเพื่อนฝูง  ซึ่งบางทีก็ มีมากเป็นแก๊ง  รุมกันใส่หัวลูกของเรา  เช่น  “ทำไมต้องไปรายงานพ่อแม่ทุกเรื่อง”  “ทำไม ไม่ฝึกกินเหล้า เสพยาปลาปิ้งบ้าง  จะได้เป็นแมน”และหากรากฐานที่เราวางไว้ให้ลูกเราในช่วงต้นไม่ดี  ลูกก็อาจคล้อยตาม  เริ่มดื้อรั้น  บางทีก็เตลิดไปถึงขั้นเสียเด็ก  กู่ไม่กลับก็มี

 

         พระเจ้าทรงสอนเยเรมีย์  ว่า  พระเจ้าทรงปั้นคนยิว  เหมือน ช่างปั้นหม้อ  (เยเรมีย์ 18:1-12)

 

         ปั้นให้ใช้งานได้

 

        งานปั้นหม้อ เป็นงานทำภาชนะ  ให้ใช้งานได้  ทั้งเป็นงานศิลปะด้วย  ช่างปั้นจะมีภาพหม้อดินที่ตนต้องการปั้นไว้แล้ว  เหมือนที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ปั้นเรา พระองค์ทรงมีพระดำริอยู่แล้ว  ให้เราเป็นคนที่ใช้การได้  หม้อดินที่เปราะบาง  ไม่เหมาะใช้งาน  เนื้อดินที่หนาสม่ำเสมอกันทั้งชิ้นงาน  ทำให้ทนทาน  มีราคา  พ่อแม่ปั้นลูก ต้องการฝึกฝนให้ลูกแข็งแกร่ง เป็นความปลอดภัยของลูก  ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้  เราสอนลูกให้นั่งรถไฟฟ้า ซ้อนรถมอเตอร์ไซด์  แบกเป้ขึ้นรถเมล์  ยำเกรงพระเจ้า  อยู่ในโอวาทพ่อแม่  แม้ฝนจะตก แดดจะออกน้ำจะท่วม  เมื่อพบอุปสรรคก็ไม่ยอมแพ้  เมื่อถูกตำหนิก็พร้อมรับฟัง  ไม่ย่อท้อ  ยามเผชิญกับสังคมไม่ดี  จะไม่ไหลไปตามโลก  หม้อดินที่ดี  สมัยก่อนคนไทยเราใช้หุงข้าว ก้นหม้อต้องดำเพราะต้องเอามาตั้งไฟ  มีไม้ฟืนลนก้น หม้อดินดีต้องทนไฟ  ตอนผม    


                    

 

                        

 

เรียนเภสัช เราใช้ภาชนะแก้วขึ้นตั้งไฟได้  เอาเข้าเตาอบได้ ภาชนะแก้วธรรมดา ขึ้นไฟไม่ได้ โดนไฟก็จะแตก ยี่ห้อ pyrex เขาผลิตมาอย่างไรผมไม่ทราบ  เขามีคุณสมบัติทนความร้อนได้  

 

       ปั้นให้ดูสวย

 

       นอกจากใช้งานได้แล้ว  หม้อดินต้องสวยด้วย  ฐาน  ตัวหม้อ  ปากหม้อ มองดูแล้ว ต้องสวยสดงดงาม  เอามาโชว์ยังได้เลย  พระเจ้าปั้นเราให้ดูสวย ดูดี  ช่างปั้นเป็นคนมีศิลป์ หม้อดินจึง มีรูปลักษณ์สวย  พระเจ้าทรงศิลป์  พระองค์ทรงประสงค์ปั้นเราให้น่ารัก เป็นที่ชื่นชอบพระทัย และเป็นคนสง่างาม ไม่ใช่ แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น  แต่มีจิตงามด้วย ถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนา พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งเราด้วยหรือ  ดูฝีพระหัตถ์ในธรรมชาติที่เราคุ้ยเคย  ภูเขา หุบเขา แม่น้ำ ลำธาร โขดหิน ทะเล ผืนป่า เมฆหมอก อาทิตย์อุทัย ยามเช้า อัสดงยามเย็น ถ่ายภาพมุมไหนก็สวยไปหมด  ดูดอกไม้นานาพันธุ์  ก็มีสีสันสวยงาม มีกลิ่นหอมหลากหลาย  มองดูนกในอากาศ ฝูงปลาในน้ำ  สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตั้งแต่สิงโต จนถึงผีเสื้อ ชายหญิง ที่มีผิวพรรณเกลี้ยงเกลา ใบหน้าสวยสด เราต้องน้อมกาย


                         

 

ลง ก้มกราบพระผู้ทรงปัญญา ว่าพระองค์ทรงเป็นศิลปินล้ำเลิศที่สุด   แล้ว ศิลปิน ผู้นี้แหละ คือผู้ที่กำลังปั้นเรา  

 

       หม้อถูกปั้นมาจากดินเหนียว  สมัยผมเป็นนักเรียนชั้นประถม  ผมเคยไปขุดดินเหนียวเละ ๆ จากท้องนา มาปั้นวัวปั้นควายส่งครู  ดินเหนียวที่เอามา ไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่พอปั้นเสร็จ  ได้ภาชนะมีค่า  เกิดประโยชน์ สวยงาม  ก่อนพบพระเจ้า เราเป็นคนไร้ราคา ไม่เอาถ่าน  สับสน ไร้ชีวิตเพราะบาป วันหนึ่งพระเจ้านำเรามาปั้นขึ้นใหม่ ให้มีศักดิ์ศรี 

 

       เราต้องยอมให้พระเจ้าปั้น

 

       เราถูกเปรียบกับดินเหนียว ในหัตถ์พระเจ้า ดินเหนียวไม่โอดครวญ  ไม่โอดโอย ไม่ดื้อ แต่เมื่ออยู่มือของช่างปั้นหม้อ  มันยอมทุกอย่าง ตามใจช่างปั้น  ไม่ใช่ตามใจตัว แต่วางใจเชื่อถือ  รู้ว่าช่างปั้นจะปั้นเราออกมาดี  ก็เหมือนเวลาเราไปตัดผม  หรือไปทำฟัน ถ้าเราคอยกำกับ ช่าง หรือหมอฟันอยู่ตลอด  ช่างคงตัดผมท่านยากยิ่ง  ตรงกันข้าม  เมื่อรู้จักช่างแล้ว  เราต้องสงบวางใจ  ไม่ว้าวุ่นโวยวาย  ไม่มีใครปั้นใครได้ ถ้าเขาไม่ยอมให้ปั้น  เมื่อพระเยซูเลือกสาวก 12 คนมาเป็นลูกศิษย์  เดินตามพระองค์ เพื่อปั้นเขา  พวกเขาเข้ามาเรียนรู้จากพระองค์ด้วยจิตศรัทธา  ด้วยความเต็มอกเต็มใจ

 

      พระเจ้าทรงสิทธิ์ปฏิรูปชีวิตเราใหม่ หากเราไม่เชื่อฟัง

 

      คนยิวไม่ยอมให้พระเจ้าปั้น พวกเขาดื้อรั้น  ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำตามอำเภอใจตนเอง  พระเจ้าทรงบัญชาให้เยเรมีย์ ไปยังบ้านช่างหม้อ  ซึ่งช่างปั้นกำลังทำงานอยู่กับแป้นเวียน (เยเรมีย์ 18:1-12)  เป็นภาพพจน์ว่าพระเจ้าจะตัดสินทำอะไรกับพวกเขา  สิ่งที่เยเรมีย์เห็นคือ  ช่างปั้นขยำดินเหนียวที่เขาปั้นครั้งแรก กลับเป็นก้อนดินเหนียวใหม่  และลงมือปั้นใหม่อีกที่ เป็นหม้อทรงใหม่ ที่ไม่ใช่ตามรูปเดิม   สมัยนั้นชาวยิวที่ดื้อพระเจ้า  ทำบาป  ปฏิเสธพระองค์  พระองค์มีสิทธิ์ทิ้งขว้างพวกเขา  แต่พระองค์ไม่เลือกทำเช่นนั้น  แต่ยอมให้พวกเขาตกไปเป็นเชลยต่างแดน ในบาบิโลน   ต่อมาภายหลัง  ด้วยความรักและพระกรุณา  พระองค์นำพวกเขากลับมาเริ่มต้นใหม่   

 

       เมื่อแผนหนึ่งไม่สำเร็จ พระเจ้าทรงมีแผนสอง  

 

       พ่อแม่มักฝันรุ่งโรจน์สำหรับลูก  แต่มีกี่ครั้ง  ที่ฝันนั้นของพ่อแม่สลาย  เพราะลูกไม่เชื่อฟัง  ทำตามใจตนเอง  “เราจะดำเนินตามแผนของเราเอง” (เยเรมีย์ 18:12)   แต่ด้วยความรักพระเจ้าไม่ยอมแพ้  ทรงเริ่มใหม่กับเรา  น่าเสียดายที่เราเสียโอกาส  เสียเวลาไปเปล่า ๆ  

 

       ขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ไม่ทรงขว้างเราทิ้ง  แต่ทรงเริ่มใหม่กับเรา  คราวนี้ เราควรร้องทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ยังคงเป็นบิดาของข้าพระองค์  ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลพระหัตถกิจของพระองค์” (อิสยาห์  64:8) 

 

       ควรสุขใจให้พระเจ้าปั้น

 

      แทนที่เราจะดื้อรั้น เราควรมีความสุขกับการปั้น  สุขใจเมื่อทรงตีสอน  เชื่อพระหัตถ์พระองค์  เชื่อว่าพระเจ้าจะทำให้เราเป็นภาชนะที่สวยงาม 


                                  

 

ให้พระเจ้าใช้  เปาโล เคย พยายามทำลายคริสตจักร ข่มเหงคริสตจักร เพราะศรัทธาในลัทธิยิว  วันหนึ่ง พระเจ้าทรงรื้อชีวิตเปาโลเสียใหม่  แต่เดิมเขาคือ เซาโล ที่ทำตามใจตนเอง  แต่พระเจ้าทรงเปลี่ยนเขาเป็น เปาโล อัครทูตผู้ทำตามพระทัยพระเยซู  หม้อลูกใหม่นี้มีประโยชน์  และสวยงามมาก  แต่เดิม คนยิว ลูกหลานของอับราฮาม เป็นความหวังที่จะนำนานาชาติมาหาพระเจ้า  แต่เพราะความดื้อดึงของพวกเขา  พรเจ้าทรง รื้อระบบของพวกเขาลง  วันหนึ่ง  พวกเขาบ้านแตกสาแหรกขาด  พลัดที่นาคาที่อยู่  กรุงเยรูซาเล็มแตก  พระวิหารถูกรื้อลงมา  จนพวกเขาต้องกระจัดกระจายไปอยู่ต่างแดน  นี่คือหม้อดินที่พระเจ้ารื้อลงมา เพื่อสร้างอะไรใหม่ สร้างหม้อดินลูกใหม่ ให้แผนสองของพระเจ้าประสบความสำเร็จ  นั่นคือ การปลูกคริสตจักร 

 

         พระเจ้าไม่เคยยอมแพ้  แต่ทรงกระทำให้เรา  เริ่มแผนสองที่ยิ่ง ใหญ่กว่าเดิม  สวยงามกว่าเดิม  แพร่กระจายไป กว้างขวางกว่าเดิม  ขอให้ เราเป็นภาชนะดิน ในหัตถ์พระเจ้า  ที่ยอมให้พระเจ้าปั้นตลอดไปน่ะครับ     


                         

 



Visitor 798

 อ่านบทความย้อนหลัง