หมายสำคัญการเสด็จมา 

 

ศบ. 

 

 

 

           “เมื่อ​เหตุการณ์​ทั้ง​ปวง​นี้​เริ่ม​จะ​บังเกิด​ขึ้น​นั้น ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ยืด​ตัว​และ​ผงก​ศีรษะ​ขึ้น ด้วย​การ​ไถ่​ท่าน​ใกล้​ จะ​ถึง​แล้ว” (ลูกา 12: 28)

 

          ตอนผมเป็นเด็ก คุณแม่พาครอบครัวเราไป เที่ยวน้ำตกบ้านนา ระหว่างนาบอน กับคลองจันดี  เป็นน้ำตกแห่งหนึ่งที่สวยงาม น้ำใสไหลเย็นแลเห็นปลา โขดหินสวย เราสนุกสนานมาก แต่ชาวบ้านที่นั่นก็สอนเราว่า  หากสังเกตเห็นว่ามีใบไม้แห้งลอยมาตามกระแสน้ำเป็นแพเมื่อใด  ให้รีบขึ้นจากธารน้ำตกทันที  เพราะ “ลูกช้าง” (กระแสน้ำยักษ์) กำลังจะมา  หากชักช้า ขึ้นมาไม่ทัน กระแสน้ำขนาดใหญ่ที่เทลงมานั้น จะพัดพาเราไป ถึงตายได้   น้ำท่วมเมืองนครที่ผ่านมา  ผมเห็นภาพ “ลูกช้าง” ที่เทลงมาจากภูเขา ในโทรทัศน์ พัดพาเอามอเตอร์ไซค์ทั้งคัน จมหายไปในพริบตา  ดีที่คนขับหนีขึ้นมาทัน 

 

           สัญญาณ หรือหมายสำคัญ เป็นเรื่องที่เราต้องเอาใจใส่  ในยุคสุดท้าย  มีหมายสำคัญบอกเหตุหลายอย่าง และพระเยซูทรงสั่งให้เราเอาใจใส่ สังเกต  เพื่อพร้อมรับสิ่งที่จะตามมา

 

            ช่วงนี้เป็นเทศกาลคริสตมาส  ปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เป็นคริสตมาส ที่เราต้องสวมหน้ากากมาร่วมงาน เพราะเรายังอยู่ในระหว่างการป้องกันการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด 19   การเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซู น่าจะเป็นบทเรียนเพื่อพร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์

 

           เมื่อคราวที่พระเยซูเสด็จมาบังเกิดในโลกเมื่อ 2000 ที่แล้ว สวรรค์ตื่นเต้น จนมีทูตสวรรค์มาร้องเพลง ประกาศข่าวดีให้คนเลี้ยงแกะ 

 

         คนบ้านนอกคอกนารู้  มีดาวประหลาด ให้นักปราชญที่อยู่ไกลแสนไกล สังเกต อ่านเหตุการณ์ และตามหาจนพบพระกุมาร  แต่ชาวเมืองยุคนั้น กษัตริย์ ปุโรหิต กลับเฉยเมย ปิดหูปิดตาจากคำทำนายของพระคัมภีร์  เป็นคำทำนายที่ผู้เผยพระวจนะ ชี้ให้สังเกตหมายสำคัญ ของพระเยซู พระผู้ไถ่ ที่จะเสด็จมาบังเกิดในโลก   การนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็นของพวกเขา ทำให้หลายคนไม่พบพระองค์   อย่างน่าเสียดายยิ่ง  ผมจะยกตัวอย่างคำทำนายน่ะครับ 

 

           พระคัมภีร์ทำนายว่า  พระองค์จะประสูติจากเผ่ายูดา (ปฐมกาล 49:10; ลูกา 3:23)  จากพงศ์พันธุ์ของดาวิด  ( เยเรมีย์ 23:5; ลูกา 3:23) ประสูติที่หมู่บ้านเบธเลเฮม  (มีคาห์ 5:2; มัทธิว 2:1)  จากครรภ์ของหญิงพรหมจารีย์  ( อิสยาห์ 7:14 ; มัทธิว 1:18 ) กษัตริย์เฮโรดจะประหารเด็ก (เยเรมีย์ 31:15;  มัทธิว 2:16) พระองค์จะออกมาจากอียิปต์  (โฮเชยาห์ 11:1; มัทธิว 2:13,20 ) จะมีบุคคล ผู้นำทางพระองค์ ( อิสยาห์ 40:3 ; มาระโก 1:4 ) พระองค์จะเป็นผู้เผยพระวจนะ (เฉลยธรรมบัญญัติ 18:18 ; มัทธิว 21:11) ชาวเมืองจะปฏิเสธพระองค์ ( อิสยาห์ 53:3; ยอห์น 1:11) 

 

 



 

พระองค์จะถูกประหารชีวิตโดยการตรึงที่ไม้กางเขน ( สดุดี 22:1 ; มัทธิว 27:46) พวกทหารจะจับฉลากกันเพื่อได้เสื้อของพระองค์ (สดุดี 22:18 ; ลูกา 23:34) พระองค์จะฟื้นคืนพระชนม์ (สดุดี 16:10 ; กิจการ 2:31-32)   อีกเยอะแยะครับ  หมายสำคัญเหล่านี้ ทำนายไว้ล่วงหน้า หลายร้อยปี  ถึงวันนี้  เราทราบว่า คำทำนายเหล่านี้ถูกต้อง เป็นจริงทั้งหมด 

 

หันมาพูดเรื่องการเสด็จมาครั้งที่สองบ้าง

           

               พระเยซูทรงกำชับสาวกของพระองค์ให้สังเกตหมายสำคัญ  เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกที    พวกสาวก  ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่า การณ์ทั้งปวงจะเกิดขึ้น” (มาระโก 21:7)  พระองค์ตรัสว่า “วันนั้น  โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์ หรือพระบุตรก็ไม่รู้  รู้แต่พระบิดาองค์เดียว”  (มัทธิว 24:36) พระเยซูมิได้บอกกำหนดวัน เวลา แต่ให้สังเกต หมายสำคัญ อันเป็นสัญญาณเตือนว่า มันใกล้แค่ไหน 

 


 

ผมเห็นว่า หมายสำคัญหลายอย่าง มันถี่ขึ้น รุนแรงขึ้น  กระทบคนในโลกทุกหมู่เหล่า ในยุคของเรา

 

               ครับ  ขอลองพินิจพิจารณาดู

 

              ก่อนพระองค์เสด็จกลับมา   พระองค์ตรัสว่า (1) จะมีพระคริสต์เทียมเท็จ และผู้เผยพระวจนะปลอม ล่อลวงคนให้หลงเกิดขึ้นมาก (2) สงคราม และข่าวเล่าลือเรื่องสงคราม ประชาชาติ ต่อประชาชาติ  ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักร และ การจลาจล (3) มะเดื่อจะแตกใบ (4) แผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆ (5) การกันดารอาหาร (6) โรคภัยในที่ต่าง ๆ (7) ข่าวประเสริฐจะประกาศไปทั่วโลก  

 

              ตั้งแต่พระเยซูเสด็จมาบังเกิดในโลก ที่หมู่บ้านเบธเลเฮม  กาลเวลาผ่านมา ร่วม 20 ศตวรรษ ไม่มีสัญญาณใด ๆ ทวีขึ้นมากเท่า ในช่วง 1-2 ศตวรรษหลัง  

 

 


 

 (1)ไม่มีคำสอนเท็จ ข่าวปลอม  Fake news ที่ทวีขึ้น แผ่ออกไป รวดเร็วเท่าเทียม ยุคที่ต่างคนต่างสามารถอ่าน และเผยแพร่คำสอนได้เอง ทางอินเทอร์เนท (1969) เวปไซท์ (1993) สามารถท่อง google (1998) ใช้ Face book (2004) ดูและสร้าง You tube (2005) หรือ อินสตาแกรมส์ (2010) ในมือถือของเรา  ไม่แปลกที่ทั้งข่าวจริงข่าวปลอมถูก เผยแพร่เร็วเท่าวันนี้   

 

(2)สงคราม ระหว่างกลุ่ม เผ่าพันธุ์ ประเทศ มีมาโดยตลอด แต่ไม่เคยรุนแรง  และกว้างขวางเท่ายุคของเรา  สงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-1918) ที่เรียกว่ามหาสงคราม ระหว่างไตรภาคี มี เยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี และอิตาลี กับ พันธมิตร  อันได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ รัสเซีย ภายหลังมีอเมริกาไปร่วมด้วย มีประเทศร่วมสงคราม 30 ประเทศ เกิดในยุค คุณทวดผม สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังส่งทหารไทยไปร่วมรบในยุโรป ในครั้งนั้นด้วย  สงครามครั้งนั้นมีการรวมพล มากกว่า 70 ล้านคน ทำให้มีคนเสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน 22 ล้านคน   20 ปีต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945) หนักกว่าเก่า รบกันระหว่าง 

 

 

 

ฝ่ายอักษะ ที่มี เยอรมัน  อิตาลี และญี่ปุ่นกับพันธมิตร อันได้แก่ฝรั่งเศส อังกฤษ รัสเซีย  อเมริกา ใช้ทหารมากกว่า 100 ล้านคน จาก 30 ประเทศ ประมาณว่ามีผู้เสียชีวิต มากถึง 70  ถึง 85 ล้านคน ไทยเราก็สัมผัสสงครามนี้เมื่อ ญี่ปุ่นขอใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปรบกับอังกฤษ ในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม  ผมเกิดปีสงครามสงบครับ  ถึงวันนี้ เสียงฮึ่ม ๆ ของการเกิดสงคราม ยังกึกก้องอยู่ตลอด และอาวุธทันสมัยขึ้นกว่าเดิมเป็น 100 เท่าครับ 

 

 (3) เป็นความตื่นเต้นกันใหญ่หลวง เมื่อ ยิวกลับมาสร้างประเทศใหม่  หลังจากบ้านแตกสาแหรกขาด ต้องกระจัดกระจายไปอยู่ต่างแดนตั้งแต่ปี คศ 70  ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาสร้างชาติใหม่ได้  แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงในปี 1948  เยอรมันแพ้สงคราม หลังนาซี สังหารยิว ประมาณ 6 ล้านคน สหประชาชาติเห็นชอบให้ยิวกลับมา เริ่มประเทศใหม่อีกครั้ง  พระเยซูตรัสว่า “จงเรียนคำเปรียบ เรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อแตกกิ่งแตกใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้มาถึงแล้ว เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านเห็นบรรดาสิ่งเหล่านั้น ก็ให้รู้ว่า พระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว” (มัทธิว 24:32)   พระองค์ตรัสต่อไปว่า “คนชั่วอายุนี้ จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นบังเกิดขึ้น” ยิวเพิ่ง

 

 

 

มีประเทศอีกครั้งเท่าอายุผมเอง   เป็นไปได้ไหมที่คนรุ่นผม อยู่ทันเวลาพระเยซูเสด็จกลับมา 

 

(4)  แผ่นดินไหว  ไม่ได้เพิ่งมีมา  ผมเคยดูหนังถล่มปอมเปอี เป็นการระเบิดภูเขาไฟวิสุเวียสที่อิตาลี ในปี กคศ 79   ผ่านมา 19 ศตวรรษ ข้อมูลจากกราฟตั้งแต่ปี 1900 - 2014 ก็ได้แสดงให้เห็นว่า ภูเขาไฟมันระเบิดเยอะขึ้น และมีแนวโน้มว่าในอนาคตต่อไปนี้ การปะทุของภูเขาไฟ ,การเกิดแผ่นดินไหว , และสภาพอากาศแปรปรวน อย่างฝุ่น pm 2.5  จะมีความถี่เพิ่มมากขึ้น  ดูรายละเอียดได้จาก (http://volcano.si.edu)   น่ะครับ คนใต้สัมผัสพายุมาหลายครั้งหลายครา  แต่ สึนามิ คลื่นยักษ์ ชายฝั่งอันดามัน  ที่คร่าชีวิตคนไป 8,212 คน ของ 6 จังหวัดภาคใต้ เมื่อ 26 ธันวาคม 2004 ก็ในช่วงชีวิตเรานี่แหละ  

 

 

สถิติ ภูเขาไฟระเบิด ตั้งแต่ศตวรรษแรกถึงปัจจุบัน

 

(5)การกันดารอาหาร   ยากที่คนไทยที่มีอาหารอุดมจะเข้าใจ เราว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” และเราคิดว่าเราจะเป็น “ครัวของโลก” 

 

 

 

ผู้เสียชีวิต จากการกันดารอาหาร  1870-2010

 

แต่ดูสถิติ ในหลาย ๆ ประเทศ ในช่วง 2 ศตวรรษที่ผ่านมา ความแห้งแล้ง การกันดารอาหารที่เกิดขึ้นในโลกคร่าชีวิต คนหลายล้านคน World Peace foundation รวบรวมสถิติ 1870-2010 ให้เราดูคร่าวดูรายละเอียดได้จาก https://sites.tufts.edu/wpf/famine น่ะครับ

 

(6) โรคระบาด  นี่คือสัญญาณ เตือนที่กระหน่ำประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างหนักหน่วง  ว่ากันตามจริง โรคระบาดครั้งใหญ่เกิดถี่ขึ้นตามลำดับ 

 

ปี 1346-1353   กาฬโรค  หนึ่งในโรคระบาดที่ร้ายแรง โด่งดังที่สุด มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดถึง 200 ล้านคน                                                             ปี 1817  อหิวาตกโรค อุบัติขึ้นครั้งแรกในรัสเซีย มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 1 ล้านคน   

 

       ปี 1918 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ไข้หวัดใหญ่สเปน  ไวรัส A (H1N1)  กระทบคน 500 ล้านคนทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่ว 

โลกประมาณ 50 ล้านคน คนไทยซึ่งทุกข์หนักกับฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ  ในช่วงนั้น ต้องถูกคร่าชีวิตไปเพราะหวัดใหญ่นี้  ถึง  80,223 คน  

 

ปี1855  กาฬโรค มาอีกรอบ เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศจีน ก่อนที่จะลามไปยังอินเดียและฮ่องกง คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 15 ล้านคน  

 

ปี 1981 โรค เอดส์ จากไวรัส HIV / AIDS ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสตัวนี้แล้ว มากกว่า 25 ล้านคน

 

ปี 2019  ไวรัสโควิด 19  ที่กำลังเกิดขึ้นในปีนี้  กระทบเราทั้งหลายอยู่  วันนี้ มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด มากกว่า 76 ล้านคน เสียชีวิต 1,683,486 คน  (19 ธค 2020) และ  ยังคงทวีขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำเอาตลาดร้านค้า ถนนหนทาง สถานท่องเที่ยว สนามบินเงียบเหงา ไปทั่วทุกท้องถิ่น 

 

            คริสตมาสปีนี้ เป็นปีแรกที่เราต้องสวมหน้ากาก มาฉลองงานคริสตมาส และนั่งในที่ประชุมโดยเว้นระยะห่าง 1-1.5 เมตร

 

 

 

 

 

 

 

สถิติ และสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ถ้าเราไม่ปิดหูปิดตาตัวเอง  ไม่เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เราต้องยอมรับว่า มันเกิดถี่ยิบ ในยุคของเรา ในช่วงไม่เกิน 2 ศตวรรษหลัง และถี่ยิ่งขึ้นในไม่กี่ปีนี้    

 

             พระเยซูสอนเราว่า “เมื่อเหตุการณ์ทั้งปวงนี้เริ่มจะบังเกิดขึ้นนั้น ท่านทั้งหลายจงยืดตัวและผงกศีรษะขึ้น ด้วยการไถ่ท่านใกล้ จะถึงแล้ว” นี่คือความหวังใจของผู้เชื่อทุกคน “การไถ่ใกล้จะมาถึงแล้ว” หมายสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผมยังไม่ได้พูดถึง  คือ “ข่าวประเสริฐ จะประกาศออกไปทั่วโลก” ณ วันนี้ การเผยแพร่พระกิตติคุณกำลังคืบหน้าทั่วโลก   และนี่คืองานของเรา   วันคริสตมาส ครั้งแรกหลายคนพลาดโอกาส เพราะไม่สังเกตสิ่งที่พระเจ้าตรัสในพระคัมภีร์  การเสด็จกลับมาในไม่ช้าของพระคริสต์  ไม่เพียงแต่เราไม่ควรพลาด โดยรู้กาลเวลาจากหมายสำคัญ  แต่เราต้องรักษาชีวิตอันดีงาม เร่งประกาศพระกิตติคุณ ให้ข่าวประเสริฐเผยแพร่ไปก่อนการเสด็จมาของพระองค์ด้วย 

 

               สุขสันต์วันคริสตมาสครับ   


Visitor 83

 อ่านบทความย้อนหลัง